2 พลโทแจ้งความ ‘ส.ศิวรักษ์’ ข้อหา ม.112 หมิ่นพระนเรศวร
ที่มา ประชาไท
Sat, 2014-10-18
กรณีที่ "สุลักษณ์ ศิวรักษ์" ร่วมอภิปรายหัวข้อ "ประวัติศาสตร์ว่าด้วยการชำระและการสร้าง" ล่าสุด 2 นายพลใช้ "ม.112" ไปแจ้งความตำรวจ โดยกล่าวหาว่า ส.ศิวรักษ์ พูดว่ายุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรไม่มีจริงและกล่าวถ้อยคำเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ใน Social Talk ของสำนักข่าวเจ้าพระยา รายงานว่า เมื่อเวลา 13.20 น.ของวันที่ 16 ต.ค. พล.ท.ผดุง นิเวศวรรณ และ พล.ท.พิทยา วิมะลิน เข้าแจ้งความให้เจ้าพนักงาสอบสวน สน.ชนะสงคราม ให้ดำเนินคดีกับ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากรณีที่สุลักษณ์ ได้ร่วมอภิปรายเรื่อง “ประวัติศาสตร์ว่าด้วยการชำระและการสร้าง” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดโดยคณะสภาหน้าโดม เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าในการอภิปรายดังกล่าวสุลักษณ์ได้กล่าวหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอดีตพระมหากษัตริย์ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยกล่าวว่า การทรงกระทำยุทธหัตถีไม่มีจริง และมีอีกหลายถ้อยคำที่เข้าข่าย “หมิ่นเบื้องสูง”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสุลักษณ์เคยถูกฟ้องด้วยคดี 112 สองครั้ง ข้อมูลจากเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพโดยไอลอว์ ระบุว่า คดีแรกเกิดขึ้นจากกรณีเมื่อ 17 ธ.ค.47 สุลักษณ์ได้รับเชิญไปอภิปรายเรื่อง “สังคมไทยทางรอดที่ควรเลือก เหลียวหลังแลหน้าจากราชดำเนินถึงตากใบ” ที่คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ระหว่างการอภิปรายผู้ต้องหาได้ประชาสัมพันธ์หนังสือวารสาร Seeds of Peace ปีที่ 21 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2548 ซึ่งเป็นวารสารภาษาอังกฤษนำมาวางจำหน่ายหน้าห้องอภิปราย ในวารสารดังกล่าวมีบทความเรื่อง SIAM of the Forgotten Monarch: The True Life Sequel to the King and the Land of Smile ที่เขียนโดยผู้ใช้นามแฝงว่า บี.พี. มีเนื้อหากล่าวถึงการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 เจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติที่ไปฟังการเสวนาได้ซื้อวารสารมาอ่านพบบทความดังกล่าว จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาและแจ้งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ มีการตั้งคณะทำงานสอบสวน ผลการสอบสวนพบว่าวารสารฉบับดังกล่าวนี้มิได้มีการจดแจ้งต่อนายทะเบียนการพิมพ์กรุงเทพมหานคร และข้อความในวารสารเข้าข่ายหมิ่นมาตรา 112 จึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ เนื่องจากพิจารณาเห็นแล้วว่า จากคำให้การของพยานบุคคลจำนวนหลายคนที่อ่านบทความ แสดงความคิดเห็นไม่ยืนยันไปในทางเดียวกันว่า บทความดังกล่าวมีเนื้อหาเป็นการดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบกับไม่มีพยานยืนยันว่าผู้ต้องหาเป็นผู้เขียนบทความ เป็นเพียงผู้เสนอขายวารสารที่ปรากฎบทความเท่านั้นจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ต้องหามีเจตนากระทำผิดตามข้อกล่าวหา
คดีที่สอง เกิดจากกรณีที่เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.50 สุลักษณ์ได้กล่าวที่อาคารศาลาพระราชทานปริญญาบัตรหลังเก่า ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อมาวันที่ 6 พ.ย.51 พ.ต.อ.คัชชา ธาตุศาตร์ รอง.ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมกำลัง ได้จับกุมนายสุลักษณ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น เลขที่ 431 / 2551 ลงวันที่ 22 ก.ย.51 ในข้อหามาตรา 112 โดยบุกจับกุมที่บ้านพักในกรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปจังหวัดขอนแก่น สุลักษณ์ได้ยื่นขอประกันตัว โดยมีนายกิตติบดี ซึ่งเป็นคณะบดีของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ใช้ตำแหน่งประกันตัวนายสุลักษณ์ ยังไม่ทราบความคืบหน้าของคดี
ooo
Source: Thai Political Prisoners Wordpress
Prachatai has now reported that Jaran has indeed been charged by the royalist junta’s regime. In some ways, this is not unexpected. The Dictator and his junta have long wanted to punish Jaran. Indeed, since the military coup, the regime has filed four charges against Jaran. He is charged with lese majeste and defying the junta’s order to report to the military.
More revealing are the charges that Jaran breached the Emergency Decree during the red-shirt mass protest in 2010. Yes, that’s four years ago. The final charge relates to the red shirt protest targeting Privy Councillor President and coup plotter General Prem Tinsulanonda in July 2007. Yes, that seven years ago.
The most recent charge, of insulting the walking dead, the “veteran political activist” is accused of having organized the play “The Wolf Bride.” Two other activists remain in custody over this play that was performed in October 2013 in remembrance of the 14 October 1973 student uprising. The arrest warrant for Jaran was issued on 26 August 2014.
The others caught in this particular lese majeste dragnet are Patiwat Saraiyaem andPornthip Munkhong.
Jaran is in exile in Europe.
ooo
ที่มา ประชาไท
Fri, 2014-10-17
17 ต.ค.2557 กองบังคับการปราบปราม พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ได้ควบคุมตัวนายโอภาส (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี อดีตพนักงานบริษัท แถลงข่าวเพื่อแจ้งข้อหาคดีอาญามาตรา112
พ.ท.บุรินทร์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายโอภาสกระทำความผิดตามมาตรา 112 จากการเขียนผนังห้องน้ำ ห้างซีคอนสแควร์ 3 ห้อง โดยพ.ท.บุรินทร์ได้นำภาพถ่ายข้อความจากผนังห้องน้ำแจกจ่ายสื่อมวลชนด้วย จากนั้นจึงได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวซักถามแรงจูงใจของผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาระบุว่า ไม่ได้กระทำการหมิ่นเบื้องสูง แต่เป็นการวิจารณ์คณะรัฐประหาร เนื่องจากเกิดความเครียดและไม่ชอบการรัฐประหาร ที่ผ่านมาไม่เคยไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มใด พร้อมทั้งยืนยันว่าข้อความที่เขียนเป็นข้อความวิจารณ์โดยทั่วไปที่ได้ยินจากคลิปต่างๆ และวิทยุชุมชนคลื่น 88.25 ซึ่งโดยส่วนมากก็เป็นการวิจารณ์ประชาธิปัตย์และ กปปส. ไม่ใช่การพาดพิงสถาบัน ท้ายที่สุด พ.ท.ได้ฝากยังสื่อมวลชนให้ช่วยกันดูแลเนื้อหาที่เผยแพร่สาธารณะ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดกรณีเช่นนี้อีกมากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายโอภาสถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.57 เวลาประมาณ 15.00 น. โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างซีคอนสแควร์ เนื่องจากนายโอภาสได้ใช้ปากกาเขียนโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช.และนายกรัฐมนตรีบนผนังห้องน้ำในห้าง เมื่อถูกควบคุมตัวนายโอภาสได้จ่ายค่าเสียหายให้ทางห้างเป็นเงินสองพันบาทตามที่ทางห้างเรียกร้องเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นทางห้างได้ติดต่อให้เจ้าหน้าที่ทหารมารับตัวนายโอภาสพร้อมมอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดให้ จากนั้นทหารได้นำตัวมาควบคุมและสอบสวนที่กองปราบฯ ตั้งแต่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ส่วนการสอบสวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันนี้ เบื้องต้นทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เดินทางไปพบผู้ต้องหาเพื่อขอร่วมรับฟังการสอบสวนด้วยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าวดังกล่าวโดยลงรูปภาพข้อความที่เจ้าหน้าที่แจกจ่ายกับผู้สื่อข่าวด้วย ขณะที่เว็บไซต์ทีนิวส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่คุมตัวไว้ด้วยอำนาจตามกฎอัยการศึก ก่อนจะขอฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ ในวันจันทร์ ที่ 20 ต.ค.นี้
นายโอภาสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ระหว่างการสอบปากคำ พ.ท. บุรินทร์ พยายามชี้นำให้เขาให้การว่าเป็นการเขียนข้อความหมิ่นเบื้องสูงอันมีเหตุจากได้ฟังวิทยุชุมชน คลื่น 88.25 แมกกะเฮิร์ต เพื่อที่โทษหนักจะได้เป็นเบา แต่เขาเห็นว่าสถานีวิทยุดังกล่าวปิดไปเป็นปีแล้ว และตัวเขาเองไม่ได้มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงเพียงแต่ต้องการวิจารณ์หัวหน้าคณะรัฐประหารเท่านั้น เมื่อ พท. บุรินทร์ นำตัวเขามาแถลงข่าวเขาจึงไม่สามารถที่จะแถลงข้อความตามที่ พท. บุรินทร์ แนะนำได้ และไม่ได้พูดว่าถูกล้างสมองจากวิทยุชุมชน เตือนให้ประชาชนระวังการรับข้อมูลด้านเดียวดังที่สื่อบางสำนักได้เผยแพร่ออกไป มีแต่เพียงพ.ท.บุรินทร์ที่กล่าวลักษณะดังกล่าว
ด้านเฟซบุ๊กของไอลอว์ ซึ่งเป็นองค์กรเก็บข้อมูลคดีที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงออกระบุข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ผู้ถูกจับกุมมีอาชีพขายของเบ็ดเตล็ด มีบุตรสาว 1 คน และไม่ได้เป็นนักศึกษาปริญญาโทที่นิด้าตามที่เป็นข่าว ปกติเขาเป็นกำลังหลักในการหารายได้ของครอบครัว ผู้ต้องหาไม่ทราบมาก่อนว่าจะถูกนำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และมีความกังวลอย่างยิ่งที่ข้อมูลส่วนตัวจะปรากฏต่อสาธารณะเพราะกลัวว่าจะถูกรังเกียจจากคนรอบตัวหลายคนที่ไม่เคยรู้ทัศนคติทางการเมืองมาก่อนและได้รับผลกระทบทางสังคมจากการตกเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ ไอลอว์ระบุด้วยว่า เขาถูกพาไปสอบสวนที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในวันที่ถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ทหารได้ถ่ายภาพข้อความที่ปรากฏอยู่บนฝาผนังห้องน้ำมาให้ดูและต้องการให้เซ็นรับสารภาพว่าเป็นคนเขียน หลังจากนั้นจึงถูกส่งตัวมาคุมขังอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.จนถึงปัจจุบัน โดยอาศัยอำนาจกักตัวตามกฎอัยการศึก โดยที่ยังไม่ถูกสอบปากคำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้พยายามติดต่อคนรู้จักที่เป็นทนายความเพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องคดีความ แต่ไม่มีใครยอมช่วยเพราะเป็นคดีที่มีข้อหาร้ายแรงทางการเมือง
17 ต.ค.2557 กองบังคับการปราบปราม พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ได้ควบคุมตัวนายโอภาส (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี อดีตพนักงานบริษัท แถลงข่าวเพื่อแจ้งข้อหาคดีอาญามาตรา112
พ.ท.บุรินทร์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายโอภาสกระทำความผิดตามมาตรา 112 จากการเขียนผนังห้องน้ำ ห้างซีคอนสแควร์ 3 ห้อง โดยพ.ท.บุรินทร์ได้นำภาพถ่ายข้อความจากผนังห้องน้ำแจกจ่ายสื่อมวลชนด้วย จากนั้นจึงได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวซักถามแรงจูงใจของผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาระบุว่า ไม่ได้กระทำการหมิ่นเบื้องสูง แต่เป็นการวิจารณ์คณะรัฐประหาร เนื่องจากเกิดความเครียดและไม่ชอบการรัฐประหาร ที่ผ่านมาไม่เคยไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มใด พร้อมทั้งยืนยันว่าข้อความที่เขียนเป็นข้อความวิจารณ์โดยทั่วไปที่ได้ยินจากคลิปต่างๆ และวิทยุชุมชนคลื่น 88.25 ซึ่งโดยส่วนมากก็เป็นการวิจารณ์ประชาธิปัตย์และ กปปส. ไม่ใช่การพาดพิงสถาบัน ท้ายที่สุด พ.ท.ได้ฝากยังสื่อมวลชนให้ช่วยกันดูแลเนื้อหาที่เผยแพร่สาธารณะ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดกรณีเช่นนี้อีกมากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายโอภาสถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.57 เวลาประมาณ 15.00 น. โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างซีคอนสแควร์ เนื่องจากนายโอภาสได้ใช้ปากกาเขียนโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช.และนายกรัฐมนตรีบนผนังห้องน้ำในห้าง เมื่อถูกควบคุมตัวนายโอภาสได้จ่ายค่าเสียหายให้ทางห้างเป็นเงินสองพันบาทตามที่ทางห้างเรียกร้องเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นทางห้างได้ติดต่อให้เจ้าหน้าที่ทหารมารับตัวนายโอภาสพร้อมมอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดให้ จากนั้นทหารได้นำตัวมาควบคุมและสอบสวนที่กองปราบฯ ตั้งแต่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ส่วนการสอบสวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันนี้ เบื้องต้นทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เดินทางไปพบผู้ต้องหาเพื่อขอร่วมรับฟังการสอบสวนด้วยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าวดังกล่าวโดยลงรูปภาพข้อความที่เจ้าหน้าที่แจกจ่ายกับผู้สื่อข่าวด้วย ขณะที่เว็บไซต์ทีนิวส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่คุมตัวไว้ด้วยอำนาจตามกฎอัยการศึก ก่อนจะขอฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ ในวันจันทร์ ที่ 20 ต.ค.นี้
นายโอภาสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ระหว่างการสอบปากคำ พ.ท. บุรินทร์ พยายามชี้นำให้เขาให้การว่าเป็นการเขียนข้อความหมิ่นเบื้องสูงอันมีเหตุจากได้ฟังวิทยุชุมชน คลื่น 88.25 แมกกะเฮิร์ต เพื่อที่โทษหนักจะได้เป็นเบา แต่เขาเห็นว่าสถานีวิทยุดังกล่าวปิดไปเป็นปีแล้ว และตัวเขาเองไม่ได้มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงเพียงแต่ต้องการวิจารณ์หัวหน้าคณะรัฐประหารเท่านั้น เมื่อ พท. บุรินทร์ นำตัวเขามาแถลงข่าวเขาจึงไม่สามารถที่จะแถลงข้อความตามที่ พท. บุรินทร์ แนะนำได้ และไม่ได้พูดว่าถูกล้างสมองจากวิทยุชุมชน เตือนให้ประชาชนระวังการรับข้อมูลด้านเดียวดังที่สื่อบางสำนักได้เผยแพร่ออกไป มีแต่เพียงพ.ท.บุรินทร์ที่กล่าวลักษณะดังกล่าว
ด้านเฟซบุ๊กของไอลอว์ ซึ่งเป็นองค์กรเก็บข้อมูลคดีที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงออกระบุข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ผู้ถูกจับกุมมีอาชีพขายของเบ็ดเตล็ด มีบุตรสาว 1 คน และไม่ได้เป็นนักศึกษาปริญญาโทที่นิด้าตามที่เป็นข่าว ปกติเขาเป็นกำลังหลักในการหารายได้ของครอบครัว ผู้ต้องหาไม่ทราบมาก่อนว่าจะถูกนำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และมีความกังวลอย่างยิ่งที่ข้อมูลส่วนตัวจะปรากฏต่อสาธารณะเพราะกลัวว่าจะถูกรังเกียจจากคนรอบตัวหลายคนที่ไม่เคยรู้ทัศนคติทางการเมืองมาก่อนและได้รับผลกระทบทางสังคมจากการตกเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ ไอลอว์ระบุด้วยว่า เขาถูกพาไปสอบสวนที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในวันที่ถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ทหารได้ถ่ายภาพข้อความที่ปรากฏอยู่บนฝาผนังห้องน้ำมาให้ดูและต้องการให้เซ็นรับสารภาพว่าเป็นคนเขียน หลังจากนั้นจึงถูกส่งตัวมาคุมขังอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.จนถึงปัจจุบัน โดยอาศัยอำนาจกักตัวตามกฎอัยการศึก โดยที่ยังไม่ถูกสอบปากคำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้พยายามติดต่อคนรู้จักที่เป็นทนายความเพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องคดีความ แต่ไม่มีใครยอมช่วยเพราะเป็นคดีที่มีข้อหาร้ายแรงทางการเมือง