ที่มา มติชนออนไลน์
ใจความสำคัญของเอกสารดังกล่าวบางส่วน โดยเฉพาะการปฏฺิรูปในด้านการเมือง คือ
1.รูปแบบของรัฐสภา
- รัฐสภาแบบเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง ด้วยการเลือกนายกฯ จากรายชื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภาคราวเดียวกัน
- รัฐสภาแบบการเลือกตั้งนายกฯ รัฐมนตรีโดยอ้อม ถูกเสนอ 3 แบบ ได้แก่ แบบแรกสภาเดี่ยว มีเฉพาะสภาผู้แทนราษฎร แบบที่สองคือสภาคู่ โดยมีการเสนอ 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบสภา ส.ส.-ส.ว. และแบบสภาผู้แทนราษฎร กับสภาประชาชนที่มาจากกลุ่มวิชาชีพ, กลุ่มจังหวัด, กลุ่มข้าราชการ และแบบที่สาม คือแบบ3 สภา ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร, วุฒิสภา และสภาประชาชน
2.พรรคการเมือง
- การจัดตั้งพรรคการเมืองต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภูมิภาคเข้าสู่ระบบพรรคการเมืองได้ง่ายและปราศจากการครอบงำของทุน
- การคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง เสนอให้มีกระบวนการกลั่นกรองโดยพรรคการเมืองที่มีหลักเกณฑ์ คือมีความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม เช่น การเสนอชื่อบุคคลหรือคัดค้านบุคคลที่มีชื่อส่งแข่งขัน เป็นต้น
- ต้องมีระเบียบห้ามพรรคการเมืองจ่ายเงินพิเศษให้ ส.ส.เพื่อออกเสียงสนับสนุนหรือเข้าร่วมประชุม
-กกต.มีบทบาทกำหนดนโยบายหาเสียงของแต่ละพรรค ต้องไม่ให้เป็นประชานิยม สร้างความเสียหาย รวมถึงผลกระทบกับประชาชน
- นโยบายของพรรคที่ใช้หาเสียงต้องมีวงเงินใช้จ่ายรวมกันไม่เกินกรอบวงเงินงบประมาณในช่วง 4 ปีข้างหน้า
3.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- ให้คนที่อายุ 20 ปีขึ้นไปเป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากเกณฑ์อายุ 20 ปีถือเป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
- คุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่สังกัดพรรคการเมือง เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถลงสมัครได้ง่าย เพิ่มความหลากหลาย
- ผู้สมัครรับเลือกตั้งควรมีอายุ 30 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 70 ปี
- ระดับการศึกษาไม่มีข้อกำหนด เพื่อเปิดโอกาสให้ปราชญ์ชาวบ้านมีสิทธิ์รับเลือก
- ให้มีการกลั่นกรองบุคคลก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ด้วยวิธี Primary Vote จากประชาชนในพื้นที่
- ต้องได้รับใบรับรองจากนายทะเบียนว่ามีผู้สนับสนุนในเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 200 คน เพื่อเป็นการคัดกรองคนดีเข้าสู่สภา
- จำกัดวาระดำรงตำแหน่ง ส.ส. ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน และห้ามไม่ให้บุคคลที่เคยกระทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ลงสมัครรับเลือกตั้ง
- นำคะแนน Vote No มาเปรียบเทียบกับคะแนนของผู้ที่ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด ถ้าคะแนน Vote No มากกว่าให้เลือกตั้งใหม่
- ยกเลิกการลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรและนอกเขตจังหวัด เพราะมีช่องทำให้เกิดทุจริตได้ง่าย
- ให้มีการเลือกตั้ง 2 รอบ โดยการเลือกรอบแรก ผู้สมัครคนใดได้เสียงข้างมากเกินร้อยละ 50 ของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือกตั้งทันที แต่หากคะแนนเลือกตั้งไม่ถึงร้อยละ 50 ของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง ให้นำผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ 1 และ 2 แข่งขันกันอีกครั้ง หากใครได้เสียงข้างมากเกินร้อยละ 50 ให้ถือว่าเป็นผู้ชนะ
4.สมาชิกวุฒิสภา
- ส.ว.มาจากการเลือกตั้งและสรรหา โดยเสนอวิธีสรรหาจากกลุ่มอาชีพ ขณะที่จำนวนต้องเท่ากับ ส.ส.เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลที่เหมาะสม
- ให้กำหนดอายุผู้ที่ดำรงตำแหน่ง ส.ว. ระหว่าง 50-70 ปี ไม่จำกัดระดับการศึกษา และไม่สังกัดพรรคการเมือง
5. นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
- มีข้อเสนอรูปแบบการคัดเลือกนายกฯ 2 วิธี 1.จากการเลือกตั้ง ผ่านระบบบัญชีรายชื่อ จากการเลือกตั้งโดยตรงหรือเลือกตั้งโดยอ้อม คือให้ ส.ส.โหวตเลือกนายกฯ และ 2.จากการแต่งตั้งบุคคลภายนอก ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ขณะที่การตรวจสอบและถอดถอนให้ใช้มาตรการเดียวกับ ส.ส.และ ส.ว.
6. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
- ด้านโครงสร้างองค์กรตุลาการทางการเมือง มีข้อเสนอให้จัดตั้งศาลเลือกตั้ง และศาลทุจริต ส่วนศาลฎีกาต้องมีข้อกำหนดและกรอบการดำเนินคดีทางการเมือง และไม่จำกัดอายุความคดีทางการเมือง และยกเลิกมาตรการคุ้มครองนักการเมืองในระหว่างสมัยประชุม
7.ศาลรัฐธรรมนูญ
- ปรับโครงสร้างศาลรัฐธรรมนูญ ให้ทำในรูปแบบตุลาการพระธรรมนูญ ที่มีอำนาจพิจารณาเป็นเรื่องๆไม่ควรจัดในรูปศาลที่มีอายุ 9 ปี
- แบ่งองค์คณะของศาลรัฐธรรมนูญเป็น 2 องค์คณะ โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือ พิจารณาความทั่วไป และวิธีพิจารณาเฉพาะ
- กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจชี้ถูกชี้ผิดในกรณีพิพาทระหว่างองค์กร แต่ทำหน้าที่ตีความทางกฎหมายที่มีข้อสงสัยขัดรัฐธรรมนูญเท่านั้น
8.คณะกรรมการการเลือกตั้ง
- ปรับโครงสร้าง กกต.ให้มีบุคคลจากหลายฝ่าย เช่น ตุลาการ, ฝ่ายการเมือง, ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้เชี่ยวชาญจากสายอาชีพเข้ารับการสรรหาเป็น กกต.
- กกต.จังหวัดต้องประกอบด้วยผู้พิพากษาประจำศาลจังหวัดหรือตุลาการศาลปกครองในเขตเลือกตั้งนั้นๆ
9.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
- เพิ่มสัดส่วนกรรมการสรรหา ป.ป.ช.จากสายการเมืองที่ไม่น้อยกว่าคณะกรรมการสรรหาจากสายอื่น
10. การเมืองภาคพลเมือง
- เสนอให้เปิดพื้นที่ให้เข้าร่วมกับภาครัฐในด้านตรวจสอบ มีส่วนร่วมการพัฒนา
อย่างที่เคยบอกว่า
"พนันกันเลย 100 บาท เอาขี้หมา 1 กอง
รัฐธรรมนูญใหม่ (ถ้าจะมี) ไม่กล้าให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงหรอก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1412904691
แค่ระบบปาร์ตี้ลิสต์ เขตเดียวทั้งประเทศก็ "กึ่งประธานาธิบดี" แล้ว
ถ้าเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงนี่มันเลยไปอีกขั้นหนึ่ง"
ล่าสุดประยุทธ์ จันทร์โอชาพูดชัดเจนครับ ว่าไม่มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง
"ผมสั่งไปแล้วสปช.พูดให้น้อยลงยังไม่ทำงานเลย การเสนอความคิดของตัวมันก็เป็นร้อยเรื่องพันเรื่อง ยกกันมาต้องเลือกตั้งแบบนี้แบบนั้น จะเป็นแบบประธานาธิบดี ไปกันใหญ่ ปวดหัว"
ooo
Published on Oct 9, 2014
เปิด 'พิมพ์เขียว' ปฏิรูปการเมืองการปฏิรูปด้านการเมือง ถือได้ว่าเป็นหัวใจของการปฏิรูปประเทศที่กำหนดไว้ 11 ด้าน และจากรายงานของคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ส่งให้กับ สปช. ซึ่งถูกมองว่าเป็น "พิมพ์เขียว" การปฏิรูป มีรายละเอียดการปฏิรูปด้านการเมืองที่น่าจับตา โดยเฉพาะข้อเสนอเรื่อง "นายกฯคนนอก"วิเคราะห์โดยสมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ (@jin_nation) และ อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ (@attayuth_nna)