"รัฐบาลเขาทำดีนะ ยึดพื้นที่ป่าคืนได้แล้วตั้ง 35,356 ไร่"
เสียงผู้เป็นพ่อพูดขึ้นกลางโต๊ะอาหาร
"ต่อไปเวลาเราไปเที่ยวช่วงวันหยุด จะได้ไม่ต้องเจอภูเขาโล้นๆ แล้วใช่มั้ยพ่อ"
เสียงผู้เป็นแม่กล่าวเสริม
"เย้ๆ คืนความสุข ความอุดมสมบูรณ์แก่ผืนป่า"
เสียงลูกคนเล็ก ร้องโห่ไชโย
"แล้วพวกคนที่เขาเคยอยู่ในที่ดิน เหล่านั้นจะไปอยู่ไหนล้ะ"
ลูกสาวคนโต พึมพำเบาๆ
ทว่าเหมือนจะไม่มีใครได้ยิน
...........................................................
นี่คือฉากสมมติที่อาจเกิดขึ้นในโต๊ะอาหารมื้อค่ำ ของครอบครัวหนึ่ง
ใจกลางกรุงเทพมหานคร
แน่นอนไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด
แต่ป่าสมบูรณ์สำหรับเรา อาจมีค่าเป็นเพียงทิวทัศน์เขียวขจี
ให้เราชื่นชมในช่วงวันหยุดยาว เมื่อพาครอบครัวไปพักผ่อน
บางรีสอร์ทอาจมีสระว่ายน้ำร้อน หรืออุ่น เย็น ให้เรานอนแช่มองขอบฟ้าสีครามตัดฉากกับสีเขียวของแมกไม้บนเทือกเขา
ลำธารอาจมีความหมาย ให้เราแช่เท้าลงไป ในขณะที่แก้วกาแฟคาปูชิโน่อยู่ในมือข้างขวา และบุหรี่มาร์โบโร่ อยู่ในมือข้างซ้าย
ณ ร้านกาแฟริมทางอันเป็นถนนซึ่งตัดผ่านพาดกลางป่า
และเมื่อเราชื่นชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติจนหนำใจแล้ว
เราก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ ในเมืองใหญ่
..............................................
ในมุมกลับ ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอย่างพึ่งพาอาศัย
มาตั้งแต่ก่อนประกาศเขตอุทยานฯ ราว 150,000 ราย (ข้อมูลจากกรมอุทยาน) กำลังจะถูกให้ออกจากพื้นที่ทั้งหมด ตามแผนแม่บทฯป่าไม้ของรัฐบาล
นี่ยังไม่นับรวมชาวบ้านที่อยู่อาศัยในเขตป่านอกอุทยาน แต่อยู่ในเขตป่าไม้สงวนอีก นับล้านครอบครัว (ข้อมูลจากรมป่าไม้)
..............................................
อีก 10 ปี-ข้างหน้า เราอาจแช่ตัวเองอยู่ในสระว่ายน้ำ ที่รีสอร์ทสักแห่งกลางป่า
ทอดสายตาไปยังทิวทัศน์เขียวขจีเบื้องหน้า
อันเป็นกำไรของชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ
ในขณะที่ชาวบ้านซึ่งถูกไล่ที่ ออกจากป่าในวันนี้
คงไม่ถูกกล่าวถึงอีกต่อไปในการรับรู้ของเรา....
......................................
ที่มาภาพ อูบุด-แฮงกิ้ง-การ์เด้นส์-โรงแรมหรูกลางป่าฝนในบาหลี อินโดนีเซีย (แอดมินไม่กล้าใช้ภาพในเมืองไทย แม้ว่าจะมีอยู่ก็ตาม)
ที่มาเรื่อง เฟสบุ๊คพลิกแผ่นดิน