วันจันทร์, ตุลาคม 27, 2557

จิ้งจก UN เล่ามาให้ฮือฮาว่า ที่ไทยตกเก้าอี้ UNHRC นี่ เพราะมีการหักหลังกันนิดโหน่ยยยย


จิ้งจก UN เล่ามาให้ฮือฮาว่า ที่ไทยตกเก้าอี้ UNHRC นี่ เพราะมีการหักหลังกันนิดโหน่ยยยย

เดิม รบ.เลือกตั้งของไทย วิ่งล็อบบี้ประเทศโน้นนี้ให้ช่วยโหวตให้นะ จู่ๆ ระบอบการปกครองไทยกลับด้านเอารั้วของชาตินำไทยไรงี้ ฝรั่งอึ้งกิมกี่

ไอ้ที่เคยรับปากรับคำว่า เดี๋ยวจะโหวตให้ไทยได้นั่งเก้าอี้ UNHRC กะเขาด้วยเนี่ย เลยไม่โหวตละ เพราะถือว่าตอนรับปากนั่นไม่ใช่ รบ.เสื้อฟิต

ทีนี้ความที่ตอนลงคะแนนเป็นการโหวตลับ ก็เลยสนุกพวกเลย คะแนนที่ไทยคิดว่าจะได้ หายไป 42 คะแนนซะงั้น เลยตกกระป๋องหายต๋อม - มิตรสหายท่านหนึ่ง

เหตุไทยวืด นั่งยูเอ็นเอชอาร์ซี
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1414046560

Credit Maysaa Nitto

ooo


เหตุไทยวืด นั่งยูเอ็นเอชอาร์ซี

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
23 ต.ค. 2557

ได้ลงคะแนนเสียงเพื่อคัดเลือกสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) วาระปี 2558-2560

ไทยเป็นหนึ่งในชาติที่ลงสมัครในกลุ่มภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ว่างลง 4 ตำแหน่ง โดยมีประเทศในภูมิภาคเดียวกันที่สมัครชิง 5 ประเทศ คือ อินเดีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ กาตาร์ และไทย

ผลการลงคะแนนเสียงปรากฏว่า ไทยไม่ได้รับเลือกโดยได้คะแนนเป็นลำดับที่ 5 หรือ 136 คะแนน ห่างจากกาตาร์ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนในลำดับ 4 เพียง 6 คะแนนเท่านั้น

จึงทำให้เกิดคำถามตามมาถึงสาเหตุที่ทำให้ไทยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง ทั้งที่ในอดีตที่ผ่านมาไทยเคยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกยูเอ็นเอชอาร์ซี วาระปี 2553-2556 ด้วยคะแนนเสียงมากเป็นลำดับ 2 ที่ 182 เสียง

ขณะที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เคยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานยูเอ็นเอชอาร์ซี ระหว่างดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ณ นครเจนีวาสวิตเซอร์แลนด์ สามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีจนเป็นที่ยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ

ซึ่งนายสีหศักดิ์ยอมรับว่าเสียดายที่ไทยไม่ได้รับการเลือกตั้งอีกวาระหนึ่งแต่คะแนนเสียงที่ไทยได้รับในครั้งนี้ไม่ถือว่าน่าเกลียด และไม่ได้ห่างจากผู้ได้รับเลือกมากนัก 

"เพราะโดยหลักการต้องเข้าใจก่อนว่านี่คือการแข่งขัน เสียงสนับสนุน 136 เสียงที่ไทยได้รับ ถือเป็น 70-80% ของคะแนนเสียงทั้งหมด แสดงว่าไทยได้รับความไว้วางใจพอสมควร และสะท้อนให้เห็นว่าประเทศต่างๆ ยังมีความเชื่อมั่นต่อไทย"Ž นายสีหศักดิ์ระบุ

หากย้อนไปดูการเลือกตั้งยูเอ็นเอชอาร์ซี วาระปี 2553-2556 ที่ไทยได้คะแนนมากเป็นลำดับ 2 ด้วยคะแนน 182 เสียงนั้น มีประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ลงสมัครเพียง 4 ประเทศ จึงทำให้ทุกประเทศที่ลงสมัครได้รับเลือกให้เข้าไปนั่งในยูเอ็นเอชอาร์ซีทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในไทยตกเป็นเป้าในการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก นับตั้งแต่เกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองอย่างต่อเนื่องจนทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ เป็นระยะ กระทั่งมีการประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึก ตามด้วยการยึดอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการแต่งตั้งรัฐบาลทหาร ภายใต้การนำพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.

เสียงต่อว่าไทยในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจจะเพิ่มมากขึ้นภายใต้มุมมองที่ว่าไทยปกครองภายใต้กฎหมายพิเศษโดยรัฐบาลทหาร

ยิ่งในช่วงก่อนการลงคะแนนเสียงไม่กี่สัปดาห์ มีการส่งสัญญาณออกมาว่ารัฐบาลชั่วคราวของ พล.อ.ประยุทธ์อาจจำเป็นต้องดำรงตำแหน่งนานกว่า 1 ปีตามที่เคยประกาศไว้ ไม่ว่าเรื่องดังกล่าวจะจริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ที่ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยไม่มากก็น้อย

ขณะเดียวกันก็มีความเห็นจากชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน ถึงกรณีดังกล่าวว่า พูดง่ายๆ ว่าด้านสิทธิมนุษยชนเราแย่ ขณะที่กาตาร์มีเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนใช้แรงงานอพยพกดขี่แรงงานที่สร้างสนามฟุตบอลต่างๆ นานาก็ยังชนะเรา

"ยุคนี้สิทธิมนุษยชนถูกละเมิดเยอะ มีการจับกุมขึ้นศาลทหาร ในสายตาของต่างประเทศหรือสหประชาชาติที่มีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองเราขัดเกือบทุกอย่าง เขาคงไม่รับ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้แต่น่าอายตรงที่ว่าประเทศที่ได้ ไม่ได้มีสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่ดีมาก แต่เราแย่กว่าเขา"Ž ชำนาญระบุ

ชำนาญยังให้ความเห็นอีกว่า การค้ามนุษย์ที่สหรัฐจัดระดับให้ประเทศไทยคงไม่เกี่ยวนัก เพราะเป็นของสหรัฐเพียงประเทศเดียว แต่ที่คิดว่าเกี่ยวข้องที่สุดคือการประกาศกฎอัยการศึกไม่เลิก การจับกุมคุมขัง การดำเนินคดีในศาลทหารจะมีผลมาก ที่สำคัญคือการมีกฎหมายหมิ่นซึ่งหลายคนสามารถนำไปใช้ในทางการเมือง

พร้อมกับให้ความเห็นถึงความสำคัญในตำแหน่งนี้ว่า สำคัญแน่นอน เพราะจะต้องไปมีบทบาทในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประเทศอื่นๆ แต่ก่อนที่จะไปตรวจสอบเขา เราต้องดีกว่าเขา อย่าลืมว่านี่เป็นการลงมติในสมัชชาใหญ่ ทุกประเทศมีสิทธิในการออกเสียงที่จะเลือกเราหรือไม่ แสดงว่าในสายตาของรัฐสมาชิกสหประชาชาติ เราแย่ที่สุดในบรรดา 5 ประเทศที่สมัครรับเลือก แสดงว่าเราได้รับภาพลักษณ์ว่ามีปัญหาสิทธิมนุษยชน

ขณะที่ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ บอกว่า ถ้าไปดูโครงสร้างของยูเอ็นเอชอาร์ซีจะเห็นว่าเป็นองค์กรที่มีเป้าหมายเฉพาะตัวอยู่ไม่กี่เรื่องยูเอ็นเอชซีอาร์ไม่เหมือนสหประชาชาติที่เป็นเหมือนกับองค์กรซึ่งดูแลเรื่องทั่วๆ ไป แต่ว่าเป้าหมายของยูเอ็นเอชซีอาร์โฟกัสอยู่ที่การส่งเสริมการปฏิบัติตามในเชิงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้วย

"การพิจารณาว่าจะให้ประเทศไหนได้เป็นคณะกรรมการหรือไม่ได้เป็น มีแนวปฏิบัติชัดเจนอยู่แล้ว เกณฑ์ที่ใช้ในการดูว่าประเทศนั้นๆ มีบทบาทในการปกป้องสิทธิมนุษยชน มีบทบาทในเรื่องของการส่งเสริม (Promotion) และเรื่องของการปกป้อง (Protection) มากน้อยแค่ไหน ซึ่งไทยไม่ได้เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงมากนักในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นในเวทีระหว่างประเทศหรือเวทีในประเทศไทยเอง"Ž ศิโรตม์ระบุ

"ในเวทีระหว่างประเทศ ไทยเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคอาเซียน โดยภาพรวมอาเซียนก็เป็นการรวมกลุ่มประเทศซึ่งไม่ได้สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชนมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว ยิ่งทำให้เรามีปัญหามากขึ้นไปอีก อันนี้ผมคิดว่าเป็นลักษณะทั่วๆ ไปของไทยเอง เรื่องที่สองที่สำคัญมาก คือยูเอ็นเอชอาร์ซี ในแง่การทำงานจะยึดอยู่กับ 2 องค์กร 1.สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน 2.ผู้ตรวจการพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ คิดว่าที่ผ่านมาทั้ง 2 องค์กรนี้เคยเตือนประเทศไทย มีเอกสารอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยซึ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา การใช้กฎอัยการศึกในการปกครองประเทศเป็นเวลานานก็เป็นเรื่องที่ถูกเตือนค่อนข้างบ่อย ทั้งสองปัจจัยนี้ก็เป็นเหตุให้ไทยไม่น่าจะถูกเลือกเข้าไปอยู่แล้วŽ" นักวิชาการอิสระกล่าว

ศิโรตม์อธิบายเพิ่มเติมว่า คำว่าสิทธิมนุษยชนในสายตาของโลกมีอยู่ 2-3 เรื่อง คือสิทธิพลเมือง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากแค่ไหนในแง่สื่อสารมวลชน การรวมกลุ่ม การมีกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม แต่ด้านการละเมิดสิทธิเป็นด้านที่ไทยมีปัญหาเหมือนกันในเรื่องค้ามนุษย์ การพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับ3 จังหวัดภาคใต้ เป็นปัจจัยกดดันไทยที่จะทำให้ได้รับการยอมรับในเรื่องนี้ยาก ที่คิดว่าสำคัญก็คือ ภาพสะท้อนถึงการไม่ยอมรับถึงความแคลงใจที่ประเทศอื่นๆ มีต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของไทยหลังรัฐประหารครั้งล่าสุด

ศิโรตม์ยังให้ความเห็นอีกว่า การทำรัฐประหารทำให้เสียผลประโยชน์หลายอย่าง อาทิ สหภาพยุโรปการลงนามในสนธิสัญญาต่างๆ เรื่องความร่วมมือที่เป็นทางการระหว่างรัฐบาลของหลายประเทศ มีกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าจะไม่ให้ความร่วมมือ หรือจะไม่ให้สิทธิพิเศษด้านต่างๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาของประเทศอย่างเดียวแต่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์บางด้านของประเทศที่จะสูญเสียไปในระยะยาวได้เหมือนกัน

"ในยุโรปหลายประเทศมีปฏิญญาเขียนชัดเจนว่าไม่ให้ความร่วมมือกับประเทศที่มีรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารหรือรัฐบาลที่มีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะฉะนั้นนี่เป็นเรื่องที่เราเสียประโยชน์ด้วยเหมือนกันในระยะยาว"Ž ศิโรตม์กล่าวทิ้งท้าย

(ที่มา : มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 23 ตุลาคม 2557)