วันอังคาร, เมษายน 25, 2560

แค่จะบอกว่าเห็นไหมพวก คสช. นี่เขาอูฟูกันแล้ว คอนเฟิร์มได้เลยเรื่องซื้อเรือดำน้ำโปร่งใส

นี่ไง การลงทุนภาครัฐของ คสช. ที่มีปัญหา เรือดำน้ำหยวนคล้าสจากจีน ๑ ลำ ๑๓,๕๐๐ ล้านบาท จะจ่ายกี่งวด มันก็ต้องจ่ายเหมือนกัน

หนำซ้ำมุบมิบอนุมัติกันแล้วไม่แถลง อ้างเป็นโหมดงานด้านความมั่นคง ลับชั้นสุดยอดเสียด้วย (โฆษกห่านอูว่างั้น) มันส่อเจตนา อีแอบไม่ใช่ไม่ควรรู้แต่ไม่อยากให้รู้กัน มันมีอะไรอยู่ในพงต้องคุ้ยดู

แถมซื้อแล้วรอสร้างอีกต่างหาก จนคนบนทวีตภพเขาบ่น “ฟังแล้วปวดตับ ไม่มีใครเคยใช้เรือดำน้ำนี้แม้แต่จีนคนทำ เขาก็รอใช้พร้อมเรา แล้วอีกตั้งหลายปีถึงจะสร้างเสร็จ เทคโนฯ เปลี่ยนไปขนาดไหน สักแต่ซื้อ” (Lin Okabe @Byakuren29)

ไม่ใช่ สักแต่ซื้อละมั้ง ตั้งอกตั้งใจกันเลยเชียวละ เรื่องนี้ต้องถาม อิศรา


ก่อนอื่น ใครๆ ก็รู้อันนี้โปรเจ็คสำคัญของ บิ๊กตือไม่ว่าเรือดำน้ำ ยานหุ้มเกราะ หรือว่าโรงงานผลิตสรรพาวุธ จากจีนย้ำ ต้อง จีน เป็น ‘wind beneath my wings’ ของทั่นรองนายกฯ ฝ่ายกลาโหม

นับเป็นครั้งแรกที่มีการยืนยันข้อมูลว่ามีใบสั่งจากภายนอกมายังกองทัพเรือให้พิจารณาเรือดำน้ำจีนเป็นพิเศษ...

เป็นการจัดหาจากประเทศจีนทั้งที่ผ่านมามีปัญหาด้านประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพไทยมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นรถถัง เรือรบ หรือแม้แต่อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ KS-1C ที่กองทัพอากาศเพิ่งจัดหาเข้าประจำการ”

สำนักข่าวอิศราแจ้งว่าจีนพยายามเน้นถึง อ้อพชั่น ของตนว่ามีมากกว่าคนอื่น “และหลีกเลี่ยงที่จะไม่กล่าวถึงคุณลักษณะสำคัญพื้นฐานที่ด้อยกว่าค่าเฉลี่ยของเรือดำน้ำอื่นๆ อย่างชัดเจน”

อาทิ ขนาดใหญ่เกินไปจำเป็นต้องใช้ดำในพิกัดน้ำลึก “เพื่อที่จะสามารถปฏิบัติการได้อย่างอิสระ” ถ้าจะไว้ดำเก็บหอยในอ่าวไทยคงพอไหว ในเมื่อความเร็วก้แค่ ๑๘ น็อตภายใน ๑๐ นาฑี ขณะที่รายอื่นๆ เขาแล่น ๒๐ น็อตในเวลา ๑ ชั่วโมง อายุการใช้งานสั้นกว่าคนอื่น แบ้ตเตอรี่ก็มีกำลังต่ำ เป็นต้น

“ทางจีนเองก็ทราบดีว่า ถ้าเทียบตัวต่อตัวนั้นเรือดำน้ำจีนไม่สามารถสู้กับเรืออื่นได้ โดยเฉพาะเรือจากทางยุโรป การจะให้ได้เปรียบต้องสู้ด้วยจำนวนที่มากกว่า คือสู้ด้วยคุณภาพไม่ได้ ต้องสู้ด้วยปริมาณ”

อันเป็นที่มาของวลีทอง จากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่เอื้อย คสช. “ซื้อสองแถมหนึ่ง”

นั่นก็คือทางการไทยออกใบจัดซื้อ ‘purchasing order’ ว่าต้องการเรือดำน้ำสองลำในวงเงิน ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท ฝรั่งเศส รัสเซีย สวีเด็น เกาหลีใต้ ยื่นข้อเสนอกันตามนั้น แต่จีนมีทีเด็ดกว่า (คงจะกระซิบข้างหูบิ๊กตือว่า) ราคาเดียวกัน อั๊วให้ลื้อสามลำ

เท่านั้นละได้เรื่อง มติ ครม. วันที่ ๑๘ เมษา ลับสุดยอด ฟัน เลย แบบว่า “ยืนยันไม่มีลับลมคมใน” โปร่งใสและซาบซ่า จีน ซื้อใจ ไทย ขายของถูก ‘made in China’ วินวิน

จีนได้เป็นมหามิตรใหม่ ไทยได้เรือลำใหญ่ไว้เขียนเสือให้วัวกลัว ตามวิเทโศบาย ป้องปราม ของกองทัพเรือ “แม้ว่าที่จริงอาจจะยิงได้ไม่ไกลเท่านั้นก็ตาม ดังนั้นมันก็จะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจและนำไปสู่การหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง” เออน่ะ

ทั้งเรื่องโปร่งใสไม่มีลับลมคมในนี่ก็สำคัญมากด้วยละ เพราะ คสช. ทุกคนอิ่มหมีพีมัน ตั้งแต่หัวหน้าใหญ่ลงไปยันถึงระดับตบเท้า ได้รับสองขั้นกันระนาวถ้วนหน้า ๒๔,๐๓๓ นาย ด้วยมติ ครม. ๑๘ เมษา ปิดท้ายนั่นละ

งานนี้ ประชาชาติธุรกิจ เป็นผู้แจกแจง (http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1493054703)

นอกจากการเลื่อนขั้นบำเหน็จตอบแทนให้เป็น โบนัส แก่ทหารชั้นผู้น้อยแล้ว ขณะเดียวกัน นายพลชั้นผู้ใหญ่ ที่ดำรงตำแหน่งใน คสช. ก็ได้เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มและค่าตอบแทน ขณะดำรงตำแหน่งตลอด ๒ ปี ๙ เดือน”

ยกตัวอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ายึดอำนาจ ได้เงินค่าตอบแทนที่คว่ำรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ม.๔๔ สั่งโน่นสั่งนี่ เดือนละ ๗๕,๕๙๐ บาท กับเงินเพิ่มแนบมาอีก ๕ หมื่น ต่อเดือน

เสร็จแล้วบังเอิ๊นบังเอิญ ไม่มีบังอรไหนมีความสามารถวิเศษในการเป็นนายกรัฐมนตรีได้ดีเท่าลุงตูบ บิ๊กตู่ก็เลยนั่งคล่อมตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกเดือนละ ๗ หมื่นห้ากว่าๆ บวกกับ ๕ หมื่น

รวมเวลา ๓๓ เดือนฟาดเข้าไป ๘ ล้านกับอีกเกือบ ๓ แสนแล้ว คนเดียวนี่แหละ

ส่วนรองหัวหน้าอย่างพี่ป้อมที่เป็นรองนายกฯ ด้วย ก็ได้เงินเดือนสองเด้งเหมือนกัน คือประจำตำแหน่งนักยึดอำนาจ ๗๔,๔๒๐ บวกกับเงินเพิ่ม ๔๕,๕๐๐ บาทต่อเดือน กับประจำตำแหน่งรองนายกฯ อีกจำนวนเท่ากัน น้อยกว่าน้องตู่หน่อยเดียว 

รวมแล้ว ๒ ปี ๙ เดือนเป็นเท่าไหร่ไปคิดกันเอง ตัวเลขมันเยอะขี้เกียจคำนวณ ไม่ถนัดคณิตศาสตร์ 

แค่จะบอกว่าเห็นไหมพวก คสช. นี่เขาอูฟูกันแล้ว มีอันจะกินพอใช้ไม่คิดคอรัปชั่นกันหรอก คอนเฟิร์มได้เลยเรื่องซื้อเรือดำน้ำโปร่งใส