วันเสาร์, เมษายน 04, 2558

แหม่ อุตส่าห์เลิกกฏอัยการศึก หมายใจให้ฝรั่งตกหลุมพราง หยุดต่อว่า อย่าบอยคอต อย่างนี้ก็ ‘เสียของ’ อีกดิ มาตรา ๔๔ โดนต่างประเทศค้านอื้อ




แหม่ อุตส่าห์เลิกกฏอัยการศึก หมายใจให้ฝรั่งตกหลุมพราง หยุดต่อว่า อย่าบอยคอต

อย่างนี้ก็ ‘เสียของ’ อีกดิ มาตรา ๔๔ โดนต่างประเทศค้านอื้อ

แค่สื่อก็เกินพอ ไม่ทำเนา เข้าทำนอง ทั้งซีเอ็นเอ็น รอยเตอร์ ยันเดอะการ์เดี้ยน ล้วนอัดหนัก
(http://www.reuters.com/…/us-thailand-politics-martiallaw-id…)

เฉพาะการ์เดี้ยนนี่จัดให้ทั่นหัวหน้าโดยตรง
(http://www.theguardian.com/…/thailand-west-get-tough-prayut…)

“ประยุทธ์ก้าวร้าวเหลวไหลไม่ด้อยกว่าทรราช” ไซมอน ทิสดอล เขียนแจง

“ไม่ต่างกับเผด็จการกาน้ำสังกะสีที่ไหนในโลก กำหนดเลือกตั้งที่อ้างไว้ เลื่อนไปได้เรื่อยๆ...

ขณะเดียวกัน คณะทหาร ด้วยความอำนวยของกรรมการที่ปรึกษา และสภานิติบัญญัติแต่งตั้ง ได้เตรียมออกรัฐธรรมนูญถาวร ซึ่งมีจุดหมายหลักในการยับยั้งประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน กับสกัดกั้นไม่ให้ตระกูลชินวัตรที่ชนะเลือกตั้งทุกครั้งตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ กลับไปได้อีก”

ผู้เขียนการ์เดี้ยนบอกว่า ทั้งอียู วอชิงตัน และโตเกียว เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับสองสามของกรุงเทพฯ ได้ใช้มาตรการตักเตือนป้องกันฮุนต้าไทยเหลิงระเริงไปสู่การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จไม่สิ้นสุด แต่แรงกดดันไม่พอทำให้คณะทหารชั่งคิดบ้างได้

ชาติทั้งสาม “ต้องรีบตัดสินได้แล้วว่า การขับเคลื่อนไปสู่ระบอบเผด็จการมั่นคงของประเทศไทยควรได้รับการสกัดกั้นหนักขึ้น คำตอบนั้นไม่มีข้อกังขาใดๆ เลย”




แล้วยังองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติดาหน้ากันมา

ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์บอกว่าการประกาศใช้มาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว “ทำให้ประเทศไทยถลำลึกเข้าไปสู่ระบอบเผด็จการ

“มิตรประเทศของไทยไม่ควรหลงกลกับชั้นเชิงสลับมือนี้” แบรด แอดัมส์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเซียกล่าว “ที่แท้จริงแล้วเป็นการเพิ่มอำนาจอย่างไม่อาจตรวจสอบได้..

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมตัวพลเรือนที่ไม่เห็นด้วยกับคณะยึดอำนาจ จะมีเพิ่มมากขึ้น”

ทางด้านสหภาพยุโรปแสดงปฏิกิริยาให้เห็นเป็นลายลักษณ์ ทันใดไม่รีรอ
(http://eeas.europa.eu/statements-eeas/2015/150402_01_en.html)

“แถลงการณ์โดยโฆษกของนางเฟเดริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เกี่ยวกับความคืบหน้าในประเทศไทย...

การนำคำสั่งเลขที่ 3/2558 มาใช้แทนที่กฎอัยการศึก ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยคืบหน้าเข้าสู่การมีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่สามารถตรวจสอบได้...

สหภาพยุโรปขอย้ำว่าหลักนิติธรรมและการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ควรเป็นฐานในกระบวนการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย”





สำหรับสหประชาชาตินั้น ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน นายเซอีด ราอัด อัล ฮัสเซน ออกแถลงการณ์ด้วยตนเองว่า ปกติแล้วจะเป็นที่น่ายินดีเมื่อมีการยกเลิกกฏอัยการศึก
(https://www.un.org/apps/news/story.asp?NewsID=50495)

“แต่ข้าพเจ้าประหวั่นต่อการตัดสินใจนำกฏหมายอื่นที่ร้ายแรงยิ่งกว่ามาแทนที่ มันทำให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจล้นพ้น อันปราศจากการตรวจสอบโดยตุลาการ”

ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นลงลึกไปถึงรายละเอียดอำนาจเบ็ดเสร็จของ ม. ๔๔ ที่มอบหมายแก่ ‘เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย’ สั่งห้ามการเสนอข่าว การจำหน่ายหนังสือ สิ่งพิมพ์ และสื่อชนิดอิ่นๆ ได้

การนี้ ‘ไอลอว์’ ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า

“หัวหน้า คสช. สามารถแต่งตั้งเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย อันได้แก่ทหารที่มียศตั้งแต่ร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรีขึ้นไป (ทหารชั้นสัญญาบัตร) และให้มีผู้ช่วยพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย คือทหารที่มียศต่ำกว่าเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยลงมา...

มีอำนาจออกคําสั่ง ‘เรียกให้บุคคลมารายงานตัว’ หรือมาให้ถ้อยคำ เอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. และสามารถ ‘เข้าร่วมในการสอบสวน’ ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน พนักงานสอบสวนได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอำนาจใหม่ที่เพิ่มให้กับเจ้าพนักงานฯ”
(http://ilaw.or.th/node/3627)




อำนาจใหม่ ใหญ่โตคับเมือง ของคณะยึดอำนาจเหล่านี้ พี่ป้อม กลาโหม บอกว่า

“ผมเป็นไทย ผมไม่กังวล...คุณไม่มั่นใจใช่ไหม ไม่มั่นใจ ก็เรื่องของคุณ”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427954110)

ส่วนทั่นหัวหน้าไม่อยากออกท่านักเลง แค่ติงท้วมๆ ซีเอ็นเอ็นเล่นแรง พาดหัวว่าทั่นจะประหารนักข่าว

อ้าว ก็ทั่นดันเล่นๆ แบบพูดจริงนี่นา ฝรั่งเขาอาจขี้นก แต่ไม่ขี้เล่นด้วยนั่น

นี่ก็เอาอีก ชอบพูดแย้งแทงกันเองสวนสองทาง อย่างเช่น

“นายกฯ เตือนสื่อ ผมไม่เคยปิดปาก ไม่เคยปิดสักเล่ม ถ้าเขียนไม่ดีแค่เรียกมาคุย...”

แต่ไอ้ตอนที่พูดต่อ กลับเป็นตรงข้าม เล่นหูแล้วตบหัว หรือไง

“ต่อไปนี้ขอให้เขียนให้ดี ถ้าเขียนไม่ดีก็จำเป็น...”

แบบนี้ถ้าไม่ใช่นักเลง ก็ต้องเรียก ‘นักรวน’

(หมายเหตุ เราไม่ไปไกลถึงเรื่องการ 'ติดกระดุม')