แน่ละเป็นการแก้ กม.เพื่อ ‘ขายชาติ’ ถ้าจะดูจากมุมมองที่บรรดา ส.ส.เพื่อไทยเคยบริภาษณ์รัฐบาล ‘ไอทู้บ’ กันเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น สุทิน คลังแสง พิชัย นริพทะพันธุ์ สงวน พงษ์มณี ไปจนถึง ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รวมทั้ง ‘ด้อมส้ม’ ขณะนี้เกลื่อนเว็บ
ทว่า ส.ส.ก้าวไกลอย่าง ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ มองตามข้อเท็จจริง ว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะช่วย ‘Developers’ หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ที่ใหญ่ๆ เดี๋ยวนี้ก็ ‘แสนสิริ’ ไงเล่า) #สสแบงค์ ว่า รัฐบาลลืมนึกถึงผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป
ไหนจะ “โอกาสที่ราคาอสังหาฯ จะดีดตัวสูงขึ้นจนคนธรรมดาเอื้อมไม่ถึง และ home ownership ของคนไทยที่จะโตช้าลง” แทนที่จะดึงต่างชาติทุนหนามากว้านซื้อ คอนโดราคาแพงที่พวกเดเวลอปเปอร์ระดมสร้างกันจน ‘oversupplied’ ล้นตลาด
ตามเสียงบ่นของ @LawSpSp ที่ว่า “คอนโดตามรถไฟฟ้าราคาสูงมากๆ ๗ ล้าน ที่ไม่ใช่ใจกลางเมืองยังได้ห้องแค่ ๕๐-๖๐ ตารางเมตรเอง ราคาที่อยู่อาศัย/ค่าครองชีพ ไม่บาลานซ์กันเลย ถ้ายิ่งขายให้ต่างชาติเชื่อว่าจะทำให้ราคาดีดสูงขึ้นไปอีก”
นอกนั้นต้องปรับอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเสียใหม่ เลิกได้แล้ว อัตราภาษีที่ดินเกษตรกรรมกลางเมือง ที่เอื้อเจ้าสัวปลูกกล้วย รวมไปถึงทำภาษีรวมแปลง สกัดกั้นเจ้าของซอยที่ดินลงเป็นแปลงเล็กๆ เพื่อเลี่ยงภาษี และท้ายสุดทำธุรกรรมออนไลน์
อันมีทั้งเพิ่มระบบโฉนดออนไลน์ เปิดข้อมูลซื้อขายที่ดินออนไลน์ เพื่อลดต้นทุน ลดการโก่งราคาของนายหน้า เป็นต้น ข้อสำคัญถ้าจะเพิ่มขีดจำกัดกันจริงๆ ก็ให้ปลดล็อคเฉพาะบางพื้นที่ อย่ายิงกราด บังคับใช้ทั้งประเทศ
ข้อสำคัญกำหนดคุณสมบัติทางการเงินผู้ซื้อไว้ด้วยก็ดี เช่นลักษณะของการประกอบอาชีพ เคยทำงานในไทยมาแล้วกี่ปี โดยเฉพาะฐานการเงิน มีมากแค่ไหนนั่นละ
