พลันเมื่อนายกฯ เศรษฐาเซ็นคำสั่งให้ ‘บิ๊กต่อ’ กลับคืนสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร. ซีรี่ส์ศึกการเมืองใน สตช.ก็เปิดฉากใหม่เข้าสู่ซีซั่นที่สอง เมื่อเรื่องของอีกฝ่ายยังแขวนเติ่งไม่รู้จะออกท่าไหน จะให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ รอคู่ฟัดเซ็นให้กลับสถานะเดิมตามข่าวลือน่ะหรือ
เจ้าตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไม่สน หรือแม้แต่ที่นายวิษณุ เครืองาม แนะเตือนว่ายังมีหนทางอื่นอย่างเช่น กรรมการพิทักษ์คุณธรรม หรือ กพค. รอสักเดือนเดี๋ยวผลสอบก็จะออกมาแล้ว บิ๊กโจ๊กคงไม่ให้น้ำหนักเท่าไรนัก
จึงได้เปิดฉากยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร.ฐานที่เซ็นสั่งตนออกจากราชการไว้ก่อน ตอนรักษาการ ผบ.ตร.ทั้งที่กรรมการคุณธรรมยังไม่ทันได้ลงมือสอบตน พร้อมเผยว่าจะไล่ฟ้องคนอื่นๆ ต่อไป รวมทั้งข้อหา ม.๑๕๗ ต่อนายกฯ ด้วยจึงเป็นดั่งว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเวลานี้ขาดเอกภาพ เหมือนดั่งสิ้นแล้วซึ่งศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นศรัทธาจากประชาชนทั่วไป เพราะการบริหารงานภายในเละเทะ ทีใครทีมัน ต่างฝ่ายต่างมุ่งแต่แสดงอำนาจของตน
แน่นอนว่าต่างฝักฝ่ายใน สตช.มุ่งห้ำหั่น เอาชนะคะคานกันต่อไป แต่คนที่ต้องรับเผือกร้อนไปเต็มมืออย่างช่วยไม่ได้ ก็คือ เศรษฐา ทวีสิน ที่ดูเหมือนจะยังไม่รู้ว่าจะยืนอยู่ในฐานะหัวหน้าใหญ่ของทุกฝ่าย (ในตำแหน่งประธาน ก.ตร.) อย่างมีสมดุลได้อย่างไร
การตัดใจไปยืนดันหลัง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เสร็จแล้วไม่ใช่ท่าทีที่ให้ผลดีเท่าไรนัก เมื่อบิ๊กโจ๊กไม่ยอมสยบนิ่ง และไม่มีเยื่อใยเหลือไว้ให้แก่นายกฯ เท่าไรเลย ขณะด้านบิ๊กต่อหาได้ลงฐานมั่นคงพอ คดีถูกฟ้องรับส่วยยังคาอยู่ สน.เตาปูน
‘ทนายตั้ม’ ษิทรา เบี้ยบังเกิดกลับมาตามล้างตามเช็ดระลอกใหม่ แม้นว่าจะเป็นการลุยเดี่ยว ไปยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. (ต่อศักดิ์) “ขอให้เร่งรัดคดี พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ กับครอบครัว พัวพันคดีบัญชีม้าเว็บพนัน ไม่ยอมปล่อยให้เงียบหาย
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_777777794042 และ https://www.bangkokbiznews.com/politics/1132911)