อธิบดีสรรพากรเป็นคนแจงตัวเลขว่า ๑.ใช้งบฯ ตรงของปี ๖๘ จำนวน ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท ๒.จ่ายผ่านโครงการของรัฐ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ จ่ายให้แก่เกษตรกรราว ๑๗ ล้านคน จำนวน ๑๗๒,๓๐๐ ล้านบาท
และส่วนที่สามใช้งบฯ ปี ๖๗ จำนวน ๑๗๕,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งหมดได้ ๕ แสนล้านพอดี ลวรณ แสงสนิท ให้รายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมบอกว่า เงินส่วนที่สองนั้นเป็นไปตาม ม.๒๘ ซื่อตรง โปร่งใส ก็มีนักข่าวซักไซ้ “คือให้ ธกส.สำรองจ่ายไปก่อน”
แล้ว “มีกำหนดเวลาไหมครับว่าใช้หนี้คืน ธกส.เมื่อไหร่” อีกทั้งเกี่ยวกับวินัยการคลัง “กรอบเดิม ๓๒% แล้วใช้ไป ๓๑.๗๙ เนี่ย คณะกรรมการวินัยการคลังได้ขยายขึ้นไปแล้วใช่ไหม รอบล่าสุดนี่ต้องขยายอีกไหม” คราวนี้ เผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นผู้ตอบ
เขาว่า “ม.๒๘ ไม่มีการขยายกรอบ แต่เมื่องบประมาณ ๖๗ มีผลบังคับใช้กรอบก็จะขยายออกไป พอถึงงบฯ ปี ๖๘ เดือนตุลากรอบก็จะกว้างขึ้นไปอีก ฉะนั้นหลังจากมาตรการ ธกส.ผ่านไป ตัวกรอบ ม.๒๘ อาจจะลงต่ำกว่า ๓๐% ก็ได้”
ส่วนเรื่องผู้ได้รับแจกเป็นใครบ้าง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังเป็นคนแจ้งว่ายังคงเป็นผู้มีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ๕๐ ล้านคน ที่ไม่มีเงินได้ต่อปีภาษีไม่เกิน ๘.๔ แสนบาท และมีเงินฝากไม่เกิน ๕ แสนบาท อย่างเดิม แต่มีเปลี่ยนแปลงเรื่องการใช้จ่ายเล็กน้อย
การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า ต้องเป็นร้านค้าขนาดเล็กในพื้นที่อำเภอ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น (แต่ ‘เซเว่น’ จัดอยู่ในประเภทนี้ด้วยนะ) การแลกเปลี่ยนระหว่างร้านค้ากับร้านค้าด้วยกันไม่กำหนดพื้นที่ และไม่กำหนดขนาดของร้านแต่อย่างใด
อีกทั้งการใช้จ่ายทำได้หลายรอบ ส่วนเรื่องประเภทของสินค้าไม่จำกัด ถ้าหากไม่เป็นสินค้าอบายมุข สินค้าออนไลน์ บริการ และน้ำมัน โดยที่ร้านค้าในโครงการต้องอยู่ในระบบภาษี จะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม นิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดาสุดแล้วแต่
นอกนั้นประชาชนจะเข้าร่วมโครงการได้ในไตรมาสที่สามของปีนี้ แล้วไปเริ่มใช้จ่ายเงินในไตรมาสสี่ ส่วนการถอนเงินสดออกมาจะทำได้หลังจากการใช้จ่ายผ่านแอ๊พครั้งที่สองไปแล้ว แอ็พที่ใช้รัฐบาลจะพัฒนาขึ้นเอง เรียกได้ว่าเป็น ‘ซูเปอร์แอ๊พ’ นั่นเชียว
(https://twitter.com/MatichonOnline/status/1777929957035114757, https://twitter.com/MatichonOnline/status/1777917231785267686 และ https://twitter.com/jin_somroutai/status/1777921680675111037)
