เมื่อ กกต.ด้านเอาจนได้ ประกาศราชกิจจาฯ ออกมากีดกันประชาชนธรรมดาสมัครเข้าไปเลือก สว.๖๗ ก็ต้องประจานความชั่วช้าสามานย์กันตรงนี้อีกหน ว่าเล็งเห็นเจตนา ‘งุบงิบ’ ให้กลุ่มปรสิตการเมืองจัดตั้งบล็อกโหวตครอบครองวุฒิสภาคล่องคอ
ดังที่ ช่อ พรรณิการ์ วานิช คาดหมายไว้เมื่อสองวันก่อนว่าถ้าระเบียบ ‘จำกัด’ การแนะนำตัวของผู้สมัครออกมากระชั้นชิดอย่างนี้ ให้เขียนแต่ชื่อและประสบการณ์บนกระดาษ เอ-๔ สองหน้า ห้ามแจกสาธารณะ ห้ามอวดนโยบายออนไลน์ ละก็
“มันเอื้อประโยชน์ต่อใครมากที่สุด...(พวกบล็อกโหวต) เขาไม่ต้องเลือกด้วยเหตุและผล เขาเลือกโดยกำโพยไปเขาเลยไม่ต้องการข้อมูล” ไง แม้แต่ถ้าจะมีพวก ‘ปกป้องสถาบัน’ แห่ไปสมัครกัน ก็คงจะอ้างความจงรักภักดีเป็นคุณสมบัติไม่ได้
เพราะ หมวด ๓ ข้อ ๑๐ ห้ามไว้ ไม่ให้ “นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการแนะนำตัว” ซึ่งจุดมุ่งหมายคงอยู่ที่กีดกันผู้ศรัทธาต่อ ‘คณะก้าวหน้า’ แล้วเห็นพ้องว่าต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการ สว. เปิดช่องการปฏิรูปในอนาคต
ส่วนข้อ ๑๑ (๒) และ (๓) นั้น ถ้าไม่บ้องตื้นเอามากๆ อย่างที่ กกต.เป็นในขณะนี้ คงทำไม่ได้ วิญญูชนผู้มีวิจารณญานเขาไม่ทำกันหรอก ห้าม “นักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร...ใช้ความสามารถ หรือวิชาชีพดังกล่าว เพื่อเอื้อประโยชน์ในการแนะนำตัว”
เช่นนี้ถ้าจะมีผู้ประกาศทีวี หรือ commentator โด่งดังทางอินเตอร์เน็ตที่ผู้ชมผู้ฟังรู้จักดีสักคน สนใจลงสมัคร จะพูดอะไรในที่สาธารณะ มิต้องออกตัวก่อนเสมอว่า ไม่ได้พูดในนามของสื่อหรือ นี่แสดงว่า กกต.ออกระเบียบให้หาทางเลี่ยงได้อย่างงั่งๆ
ยิ่งข้อห้าม (๕) ยิ่งบ้าบอเข้าไปใหญ่ การ “แนะนำตัวทางวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง เคเบิลทีวี หรือสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงการให้สัมภาษณ์” สื่อที่ทำการเผยแพร่เนื้อหา “ผ่านบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล” ก็ทำไม่ได้ บ้องตื้นยิ่งกว่าจำอวด
(https://twitter.com/iLawclub/status/1783856278630228373 และ https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/28301.pdf)