สัญญานชัด ‘บ่จี๊’ ใกล้ถังแตกมั้ยนี่ สรรพสามิตไม่สนบาปบุญคุณโทษแล้วตอนนี้
ต้องการกระตุ้นธุรกิจเฉียดศีลให้กลับมาคึกคัก สมกับเป็นเมืองพุทธ
เอื้อเฟื้อต่างชาติเข้ามา ‘เที่ยวอบายมุข’ ในไทย ให้ฟู่ฟ่าเซ็กซี่เหมือนที่เคยเป็นก่อนโควิด
“คลังเร่งลดภาษีบาปชุดใหญ่...ธุรกิจกลางคืน
ผับ บาร์ ร้านอาหารจำหน่ายสุรา อาบอบนวด สนามม้า สนามกอล์ฟ เป็นต้น” แถมด้วยบุหรี่
เลื่อนเวลาขึ้นภาษีอีกครั้งเป็นรอบสอง ยังไม่เก็บ ๔๐% ไปจนเดือนตุลา ๒๕๖๔ “หากไม่มีมติ
ครม.ให้เลื่อนขึ้นภาษีออกไปอีก”
นั่นไม่นับวิธีการรีดเลือดห่าน “เก็บภาษีชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา”
บางช่วง ในอัตรา ๒ พันลิตร บาทเดียว ออกเป็นราชกิจจาฯ กฏกระทรวงเกษตรฯ เจาะจงเฉพาะทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
จากกิโลเมตรที่ ๕๙ พยุหะคีรี ถึง กม.๗๙ โกรกพระ นครสวรรค์
อันนี้เป็นการเก็บ “ค่าชลประทานจากภาคอุตสาหกรรมและการประปา”
เท่านั้น ไม่มีการจัดเก็บจากภาคเกษตรแต่อย่างใด ซึ่งกฏกระทรวง (พ.ศ.๒๕๔๐) บอกไว้
เก็บได้ลูกบาศก์เมตรละ ๕๐ สตางค์ก็ยังดี แม่น้ำหลายสายยังมีโรงงานไปตั้งเป็นภัยกับระบบนิเวศน์
หากแต่ว่าการละเว้นไม่เก็บภาษีบาป “เพื่อฟื้นฟูภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ
โควิด-๑๙” เป็นเวลา ๑ ปี นี้เจาะจงดันเปิดสถานบันเทิงให้กลับมาฟู่ฟ่าดังเดิม
โดยมีเงื่อนไขว่า “ผู้ประกอบการจะต้องจ้างพนักงาน
หรือไม่มีการเลิกจ้างพนักงานมาก่อน” ตั้งแต่ต้นปีนี้
(https://www.posttoday.com/finance-stock/news/627727 และ https://www.brickinfotv.com/news/66641/Xy34M)
พูดอย่างแฟร์ๆ นั่นก็เป็นความพยายามที่จะดึงเศรษฐกิจจุลภาคในประเทศ
ให้กลับมาเป็นเส้นเลือดของธุรกิจรากหญ้าอีกครั้ง
หลังตระหนักในข้อวิจารณ์จากธนาคารโลกว่า
การผลิตเพื่อส่งออกจะไม่เหมือนเดิมไปอีกนาน การท่องเที่ยวก็ยังไม่แน่จะกลับมาได้ไวๆ
ข้อสำคัญปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หากเป็นประเทศที่เศรษฐกิจยังแข็ง
เช่นกระแสการต่อต้าน ‘เลิกใช้’ ผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของไทย
ซึ่งกลุ่มรณรงค์เพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์ หรือ PETA ในอังกฤษ
ประกาศว่าไทยใช้แรงงานลิงในการเก็บมะพร้าว
เป็นข่าวฮือฮาในยุโรปมาอาทิตย์กว่าได้แล้ว
แต่รัฐบาลที่เน้นความมั่นคงของตนเป็นเอกอุ ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา คงต้องใช้เวลากลับไปดูว่าเรื่องทารุณกรรมต่อสัตว์ที่เพต้าอ้างนั้นจะหาทางเลี่ยงได้อย่างไร
ข้อหาที่เพต้าบอกว่าลงพื้นที่สำรวจเจอมากมาย
หนึ่งนั่นว่า “ชาวสวนในไทยนั้นมีการบุกเข้าป่าไปจับลิงป่าจำนวนมากมาใช้แรงงานอย่างทารุณ”
ซ้ำยัง “พบว่าในไทยมีการตั้งโรงเรียนฝึกหัดลิง ที่เอาไว้ใช้สอนลิงให้ทำงานเก็บพืชผลทางการเกษตรให้แก่ชาวสวนด้วย
ทำกันอย่างเป็นระบบ”
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตำรวจทหารของตู่คงไม่สามารถเรียกตัว
Carrie Symonds คู่หมั้นของนายกรัฐมนตรี บอริส
จอห์นสัน ไปตักเตือนและดำเนินคดี เหมือนที่ทำกับเด็กๆ นักกิจกรรมไทยรุ่นใหม่
ในเมื่อแครี่เป็นคนสำคัญ ที่เปิดประเด็น
ไม่เพียงเท่านั้นเธอตามจี้เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของอังกฤษให้ประกาศเลิกใช้ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวไทย
ไม่ว่าเวทโรส โอคาโด โค-อ็อป บู๊ตส์ มอริสสัน เซ้นสเบอรี่
แม้กระทั่งเทสโก้ที่อ้างว่าสินค้ามะพร้าวของตนไม่ได้ใช้แรงงานลิง
อย่างไรก็ดี
แผนเศรษฐกิจเดิมที่ออกมาเพื่อแสดงว่า คสช.แน่ สานฝัน ‘เมกกาโปรเจ็ค’ สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ‘อีอีซี’ ทั่วพื้นที่จังหวัดติดทะเลภาคตะวันออก ซึ่งถลุงงบประมาณต่างๆ
ทั้งที่จับจ้องได้และไม่ได้หลายล้านล้าน ตลอด ๖ ปีที่ผ่านมา
เหมือนดั่งว่าจะแห้งตายหยังเขียด เมื่อโควิด-๑๙
เริ่มอาละวาดในไทย อันเป็นผลทำให้ผู้ออกแบบและดำเนินงานใน ‘สี่กุมาร’ กำลังถูกอัปเปหิ แต่ก็เป็นข้อน่าทึ่งสำหรับตัวจักรสำคัญคนหนึ่ง
ยังดิ้นต่อไปไม่สะทกสะท้าน ในสภาพที่เสียงยี้ตราหน้าผู้จะมาแทน
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ออกมาคุยหลังจากที่ได้เจรจาหารือกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
ไมเคิล จ๊อร์จ เดอซอมเบร ชวนให้สหรัฐมาตั้ง ‘Thai-American Silicon
Valley’ ในพื้นที่อีอีซี และมอบนโยบายให้ ‘บีโอไอ’
ไปจัดการ “ให้สิทธิพิเศษ”
หากแต่ว่าทางสหรัฐได้เตรียมข้อเสนอของตนมาก่อนแล้ว
“ถึงแนวคิดที่จะทำให้ตลาดไทยสามารถดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนสหรัฐให้มากขึ้น
โดยเน้นไปที่นักลงทุนสหรัฐจะได้รับประโยชน์จาก ‘ห่วงโซ่อุปทาน’ (supply chain) ซึ่งเชื่อมโยงเข้ากับตลาดสหรัฐ”
(https://www.prachachat.net/general/news-486473, https://www.bbc.com/news/business-53276071?SThisFB
และ https://www.facebook.com/thestrategistTH/posts/2604993363082548P-y-R)
นั่นคือมหามิตรเก่าอยากกลับมาเป็นมหามิตรใหม่
ที่แนบแน่นทางธุรกิจ ตั้งแต่เรื่องชิ้นส่วนอีเล็คโทรนิค โลจิสติกส์/ขนส่ง
นวตกรรมทางแพทย์ ไปจนกระทั่งเทคโนโลยีชีวภาพ ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าไทยยินดีปักหลักเป็น
‘ฐานแพร่มาก้า’ (MAGA) สินค้าอเมริกันในเอเซียอาคเนย์