วันจันทร์, กรกฎาคม 06, 2563

แก้ตกไหมนี่ โดนแบนเพราะลิง ทั้งที่อุตส่าห์ไม่เอา 'ภาษีบาป'


สัญญานชัด บ่จี๊ ใกล้ถังแตกมั้ยนี่ สรรพสามิตไม่สนบาปบุญคุณโทษแล้วตอนนี้ ต้องการกระตุ้นธุรกิจเฉียดศีลให้กลับมาคึกคัก สมกับเป็นเมืองพุทธ เอื้อเฟื้อต่างชาติเข้ามา เที่ยวอบายมุข ในไทย ให้ฟู่ฟ่าเซ็กซี่เหมือนที่เคยเป็นก่อนโควิด

“คลังเร่งลดภาษีบาปชุดใหญ่...ธุรกิจกลางคืน ผับ บาร์ ร้านอาหารจำหน่ายสุรา อาบอบนวด สนามม้า สนามกอล์ฟ เป็นต้น” แถมด้วยบุหรี่ เลื่อนเวลาขึ้นภาษีอีกครั้งเป็นรอบสอง ยังไม่เก็บ ๔๐% ไปจนเดือนตุลา ๒๕๖๔ “หากไม่มีมติ ครม.ให้เลื่อนขึ้นภาษีออกไปอีก”

นั่นไม่นับวิธีการรีดเลือดห่าน “เก็บภาษีชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา” บางช่วง ในอัตรา ๒ พันลิตร บาทเดียว ออกเป็นราชกิจจาฯ กฏกระทรวงเกษตรฯ เจาะจงเฉพาะทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา จากกิโลเมตรที่ ๕๙ พยุหะคีรี ถึง กม.๗๙ โกรกพระ นครสวรรค์

อันนี้เป็นการเก็บ “ค่าชลประทานจากภาคอุตสาหกรรมและการประปา” เท่านั้น ไม่มีการจัดเก็บจากภาคเกษตรแต่อย่างใด ซึ่งกฏกระทรวง (พ.ศ.๒๕๔๐) บอกไว้ เก็บได้ลูกบาศก์เมตรละ ๕๐ สตางค์ก็ยังดี แม่น้ำหลายสายยังมีโรงงานไปตั้งเป็นภัยกับระบบนิเวศน์

หากแต่ว่าการละเว้นไม่เก็บภาษีบาป “เพื่อฟื้นฟูภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-๑๙” เป็นเวลา ๑ ปี นี้เจาะจงดันเปิดสถานบันเทิงให้กลับมาฟู่ฟ่าดังเดิม โดยมีเงื่อนไขว่า “ผู้ประกอบการจะต้องจ้างพนักงาน หรือไม่มีการเลิกจ้างพนักงานมาก่อน” ตั้งแต่ต้นปีนี้


พูดอย่างแฟร์ๆ นั่นก็เป็นความพยายามที่จะดึงเศรษฐกิจจุลภาคในประเทศ ให้กลับมาเป็นเส้นเลือดของธุรกิจรากหญ้าอีกครั้ง หลังตระหนักในข้อวิจารณ์จากธนาคารโลกว่า การผลิตเพื่อส่งออกจะไม่เหมือนเดิมไปอีกนาน การท่องเที่ยวก็ยังไม่แน่จะกลับมาได้ไวๆ

ข้อสำคัญปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หากเป็นประเทศที่เศรษฐกิจยังแข็ง เช่นกระแสการต่อต้าน เลิกใช้ผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของไทย ซึ่งกลุ่มรณรงค์เพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์ หรือ PETA ในอังกฤษ ประกาศว่าไทยใช้แรงงานลิงในการเก็บมะพร้าว
 
เป็นข่าวฮือฮาในยุโรปมาอาทิตย์กว่าได้แล้ว แต่รัฐบาลที่เน้นความมั่นคงของตนเป็นเอกอุ ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา คงต้องใช้เวลากลับไปดูว่าเรื่องทารุณกรรมต่อสัตว์ที่เพต้าอ้างนั้นจะหาทางเลี่ยงได้อย่างไร ข้อหาที่เพต้าบอกว่าลงพื้นที่สำรวจเจอมากมาย

หนึ่งนั่นว่า “ชาวสวนในไทยนั้นมีการบุกเข้าป่าไปจับลิงป่าจำนวนมากมาใช้แรงงานอย่างทารุณ” ซ้ำยัง “พบว่าในไทยมีการตั้งโรงเรียนฝึกหัดลิง ที่เอาไว้ใช้สอนลิงให้ทำงานเก็บพืชผลทางการเกษตรให้แก่ชาวสวนด้วย ทำกันอย่างเป็นระบบ”

การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตำรวจทหารของตู่คงไม่สามารถเรียกตัว Carrie Symonds คู่หมั้นของนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ไปตักเตือนและดำเนินคดี เหมือนที่ทำกับเด็กๆ นักกิจกรรมไทยรุ่นใหม่ ในเมื่อแครี่เป็นคนสำคัญ ที่เปิดประเด็น

ไม่เพียงเท่านั้นเธอตามจี้เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของอังกฤษให้ประกาศเลิกใช้ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวไทย ไม่ว่าเวทโรส โอคาโด โค-อ็อป บู๊ตส์ มอริสสัน เซ้นสเบอรี่ แม้กระทั่งเทสโก้ที่อ้างว่าสินค้ามะพร้าวของตนไม่ได้ใช้แรงงานลิง

อย่างไรก็ดี แผนเศรษฐกิจเดิมที่ออกมาเพื่อแสดงว่า คสช.แน่ สานฝัน เมกกาโปรเจ็คสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ อีอีซี ทั่วพื้นที่จังหวัดติดทะเลภาคตะวันออก ซึ่งถลุงงบประมาณต่างๆ ทั้งที่จับจ้องได้และไม่ได้หลายล้านล้าน ตลอด ๖ ปีที่ผ่านมา

เหมือนดั่งว่าจะแห้งตายหยังเขียด เมื่อโควิด-๑๙ เริ่มอาละวาดในไทย อันเป็นผลทำให้ผู้ออกแบบและดำเนินงานใน สี่กุมารกำลังถูกอัปเปหิ แต่ก็เป็นข้อน่าทึ่งสำหรับตัวจักรสำคัญคนหนึ่ง ยังดิ้นต่อไปไม่สะทกสะท้าน ในสภาพที่เสียงยี้ตราหน้าผู้จะมาแทน
 
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ออกมาคุยหลังจากที่ได้เจรจาหารือกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ไมเคิล จ๊อร์จ เดอซอมเบร ชวนให้สหรัฐมาตั้ง ‘Thai-American Silicon Valley’ ในพื้นที่อีอีซี และมอบนโยบายให้ บีโอไอไปจัดการ “ให้สิทธิพิเศษ”

หากแต่ว่าทางสหรัฐได้เตรียมข้อเสนอของตนมาก่อนแล้ว “ถึงแนวคิดที่จะทำให้ตลาดไทยสามารถดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนสหรัฐให้มากขึ้น โดยเน้นไปที่นักลงทุนสหรัฐจะได้รับประโยชน์จาก ห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ซึ่งเชื่อมโยงเข้ากับตลาดสหรัฐ”


นั่นคือมหามิตรเก่าอยากกลับมาเป็นมหามิตรใหม่ ที่แนบแน่นทางธุรกิจ ตั้งแต่เรื่องชิ้นส่วนอีเล็คโทรนิค โลจิสติกส์/ขนส่ง นวตกรรมทางแพทย์ ไปจนกระทั่งเทคโนโลยีชีวภาพ ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าไทยยินดีปักหลักเป็น ฐานแพร่มาก้า’ (MAGA) สินค้าอเมริกันในเอเซียอาคเนย์