วันศุกร์, กรกฎาคม 17, 2563

"แร้งลง" ”ทิ้งเรือแป๊ะ” กลางวิกฤติ



ภาพจาก คมชัดลึก
...

แล้วก็มาถึงวันนี้จนได้
วันที่ผู้ร่วมหัวจมท้ายกับคณะรัฐประหาร 2557 ตัดสินใจ”ทิ้งเรือแป๊ะ”
สิ่งที่ตามมาก็คือ จะต้องมีการปรับครม. อย่างน้อยก็ใน 4 ตำแหน่งที่ว่างลง
รองนายกฯ รมว.คลัง รมว.พลังงาน
และรมว.อุดมศึกษา
...
จะเป็นบุญหรือกรรมก็ตามที การปรับครม.หนนี้แทบจะเป็นการชี้ชะตา-ชี้เป็นชี้ตายของรัฐบาล
อย่าทำเป็นเล่นไป
เพราะสภาพแวดล้อมทุกอย่าง-โดยเฉพาะปัจจัยเศรษฐกิจบ่งบอกไปทางนั้น
ถ้าไตรมาสที่ 2 คือคลื่นยักษ์ลูกแรกที่กระแทกเข้าใส่เศรษฐกิจไทย
ก็ให้เตรียมตั้งรับเอาไว้ด้วยว่า จะมีอภิมหาคลื่นลูกใหญ่กว่าถาโถมเข้ามาในไตรมาสที่ 3 นี้
เพราะอะไร
1.เงินช่วยผู้เดือดร้อนของรัฐบาลจะหมดลงในสิ้นเดือนนี้
ถามว่ามีต่อไหม
แนวโน้มคือไม่
แล้วคนเดือดร้อนจะกินอยู่อย่างไร
2.มาตรการพักหนี้”ชั่วคราว”ของแบงก์ชาติจะสิ้นสุดลงปลายเดือนกันยายนนี่
ถามว่าจะต่ออายุไหม
ผู้ว่าการแบงก์ชาติบอกแล้วว่า”ไม่”
เดี๋ยวเสียวินัยการเงินการคลัง
รักษาวินัยได้ แต่คงสังเวยกันด้วยชีวิตของธุรกิจนับไม่ถ้วน
3.วิกฤติที่ทำให้กำลังซื้อทั้งโลกและในประเทศซบเซา ลากยาวมาแล้วครึ่งปี
ที่เคยมีทุนสำรอง มีเงินสดอยู่ในมือ
ถ้าไม่ตั๋งจริง
ลากต่อไปไม่ไหวแล้ว
จากภาวะยืดการจ่ายเงินให้ช้าในไตรมาส 2
จะได้เริ่มเห็นงดจ่ายหนี้ เช็กเด้ง ทยอยปลดพนักงาน ไปจนถึงปิดกิจการในไตรมาสนี้
แค่สามปัจจัยก็แย่อยู่แล้ว
วันนี้ยังมีผีเก่าตัวเดิมตามมาหลอกหลอนอีกอย่าง
ผีตัวที่ชื่อว่า”ค่าเงินบาทแข็ง(เกินควร)”
สินค้า-บริการขายยากอยู่แล้ว ผ่ายังมีราคาแพงกว่าคู่แข่งคู่ค้าทั้งหลายในภูมิภาคและในโลก
มันจะเอาอะไรมาเหลือ
...
ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่จะเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
ก็มีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องทำอย่างน้อย 3-4 ข้อ
เพื่อไม่ให้เกิด”สึนามิเศรษฐกิจ-สังคม” ที่ทั้งอัตราขยายตัวติดลบและคนตกงานมากมายมหาศาล
เริ่มต้น จะพยุงกิจการน้อยใหญ่ ไม่ให้ปลด(คน) หรือปิด(กิจการ)อย่างไร
จะมีนโยบายหรือมาตรการที่เป็นรูปธรรมแบบไหน
จะรักษาวินัย(แต่สละชีวิต)อย่างที่แบงก์ชาติว่า
หรือจะกระโดดอุ้มกันให้เต็มตัวไปยาวๆ 4-5 ปีอย่างที่กลุ่ม CARE เขาเสนอ
แต่แค่ประคองเท่านั้นไม่พอ
ต้องมีช่องมีท่อหาเงินใหม่เข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ
หรือทำให้เงินในประเทศนั้นหมุนเวียนมากรอบที่สุดเท่าที่จะทำได้
เงินก็เหมือนน้ำ
อยู่เฉยๆ แล้วเน่า
ต้องไหลต้องเคลื่อนไหวถึงจะมีขีวิต
จะด้วยท่องเที่ยว ด้วยค้าขาย ด้วยลงทุนมโหฬาร(ที่ถูกเรื่อง) หรืออะไรก็ตามที
มีอยู่ในใจในหัวหรือยัง
แล้วมีของแถมด้วยว่า ถ้าวิกฤติขนาดนี้แล้ว รัฐบาลกับแบงก์ชาติยังร้องเพลงคนละคีย์
ก็เตรียมเอื้อมมือลากฝาโลงปิดหีบตัวเองกันได้
ค่าเงินบาทจะเอายังไง
นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายให้เหมาะสมสถานการณ์ทำได้ไหม
ถ้าทำไม่ได้ รัฐบาลจะทำอย่างไรกับแบงก์ชาติ
...
อ้อ และที่สำคัญ
ก่อนจะไปจัดการกับคนอื่น ก็จัดการพวกกลุ่มของตัวให้เรียบร้อยเสียก่อน
จะกระซิบหรือแผดเสียงกัมปนาทเข้าใส่ก็ได้ว่า
นี่คือข่วงเวลาวิกฤติ
เป็นเวลาของการแก้ไขปัญหาและเคราะห์กรรมใหญ่ที่สุดเท่าที่เพื่อนร่วมชาติร่วมสังคมเคยประสบ
ไม่ใช่เวลาเบ่งบารมี หรือเวลากอบโกยทำมาหากินของใคร
ให้ทำสุดกำลัง ยังแทบจะรากเลือดตาย
(แล้วไม่รู้ด้วยว่าจะสำเร็จหรือไม่)
ถ้ายังเผลอคิดว่าเป็นเทศกาลแร้งรุมทึ้งศพ
จะยิ่งบรรลัยกันขนาดไหน
...
เพราะฉะนั้น อย่าไปติดที่หน้า”คน”
ว่าจะเป็นใคร
จะเทวดาอ่าองค์หรือซำเหมาข้างถนนที่ไหนก็ได้
ขอให้มากับ”ความ”
ขอให้บอกได้ชัดเจนเป็นรูปธรรม หนึ่ง สอง สาม สี่...
ว่าจะลงมือจัดการอะไรบ้างกับวิกฤติที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้
...
และอีกอ้อหนึ่ง
วิกฤติเศรษฐกิจก็วายป่วงอยู่แล้ว
กรุณาอย่าราดน้ำมันเข้ากองไฟเพิ่ม ด้วยการต่ออายุพรก.ฉุกเฉิน ออกไปอย่างไม่มีเหตุผลอีกเลย
หลังจากยาครอบจักรวาลกำลังจะหมดอายุสิ้นเดือนนี้
ถ้าเอาการเมืองมาสุมให้มันยิ่งมั่วเข้าไปด้วยอีกอย่าง
คราวนี้จะได้เผชิญหน้ากับอภิมหาวิกฤติสมใจอยากแน่
แม่คุณพ่อคุณเอ๋ย

Thakoon Boonparn

(https://www.facebook.com/thakoon.boonparn/posts/10214673324141337)