วันพุธ, กรกฎาคม 15, 2563

ว้าว ไทยกำลังเป็น 'วันทอง' สองจิตสองใจ จะเอากับ "ขุนช้างตาหยีหรือขุนแผนตาสีฟ้าดี"


ทำเป็นเล่นไป เฮียป้อมเห็นงุ่มง่าม ย่องแย่ง สยบปัญหาทุกอย่างด้วยคำ “ไม่รู้” เนี่ยนะ พอขึ้นแท่นพลังประชารัฐเปิดวิสัยทัศน์ไปโน่นเลย อวกาศ เมื่อวานเสนอ ครม. “ต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจอวกาศของประเทศ” เริ่มด้วยออกกฎหมาย กิจการอวกาศ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รายงานผลประชุมกรรมการนโยบายอวกาศว่าต้องมี “กฎหมายและหน่วยงานรับผิดชอบเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม...เพื่อให้เกิดการกำกับดูแล เกิดการส่งเสริมกิจการอวกาศ ที่ครอบคลุมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน”

เมื่อปลายปีที่แล้ว (๑๑ ธันวา ๖๒) ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ๗ คนขึ้นมา แล้ว ส.ส.รายชื่อพรรคภูมิใจไทยแถลงต่อสภาดันโครงการ อวกาศเชิงพาณิชย์ ว่าไม่เพียงดาวเทียมสื่อสารเท่านั้น

ต้องขยายไปยัง ธุรกิจด้านอวกาศอื่นๆ ทั้งในด้านยานอวกาศสำหรับมนุษย์โลก การทำเหมืองในอวกาศ และการท่องเที่ยวอวกาศ เป็นต้น พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ กลับมาดันอีกครั้งหลังจากกลาโหมสหรัฐใช้โดรนฆ่านายพลผู้บัญชาการของอิหร่านในอาฟกานิสถาน

คราวนั้นเขาจี้ให้รัฐบาลประยุทธ์ใส่ใจเรื่อง ความมั่นคงในอวกาศ“รัฐบาลจะมองข้ามเรื่องกิจการอวกาศ กิจการดาวเทียม เรื่อง Cyber security และ Space security ที่มีความเชื่อมโยงกันทั้งหมดไม่ได้” เขาว่าหากไม่มีหน่วยงานด้านนี้โดยตรงจะมีปัญหาได้

คราวนั้น พันเอกด็อกเต้อ แนะว่าประเทศที่มีการพัฒนาด้านอวกาศอย่างจริงจัง นอกจากสหรัฐแล้ว ในเอเชียก็มีประเทศจีนที่เอาจริงเรื่องนี้ มาวันนี้เฮียใหญ่ของคณะยึดอำนาจอยู่ยาวบอกว่า กิจการอวกาศแห่งชาติจะช่วยพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอีกด้วย


ปะเหมาะพอดี วันนี้ (๑๕ ก.ค.) น้องใหญ่นายกรัฐมนตรีต่อสายคุยกับประธานาธิบดี สีจิ้นผิงของจีน ได้รับคำมั่นตอกย้ำ “สนับสนุนนโยบาย ‘Thailand 4.0’ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และพร้อมที่ร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมกับไทย”

จะมาจริงเมื่อไรไม่รู้นะ เพราะเรื่องรถไฟเร็จสูง-เร็วกลางที่ดีลกันนานแล้ว ป่านนี้เส้นทดลองปากช่องแค่ ๓.๕ กิโลยังอ้อยอิ่ง แต่ก็เนอะ ด้วยความที่ไทยกับจีนเป็นมหัตมิตร (ศัพท์ใหม่เลียนแบบ ข้อมูลมหัต ของราชบัณฑิต) ชนิด

“มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชน” จึงต้อง “มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชน” นายกฯ ไทยเลยถือโอกาส “ขอให้จีนได้พิจารณารับซื้อผลิตผลทางการเกษตรของไทยให้มากขึ้น”

ฮ่องเต้ยุคใหม่ของจีนก็เออออ ฮ่อๆ แต่ไม่มีรายละเอียดจะเอาอะไรจะให้อะไรบ้าง มีแต่คำนิยม “ชื่นชมแนวทาง เราไม่ทิ้งกัน ของไทยในการช่วยเหลือกันเพื่อสู้กับโควิด ๑๙” และพูดถึงการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ชนิดนี้ว่าจีนกำลังทำอยู่แล้ว

ความสัมพันธ์ที่ว่าแนบสนิทนี้ก้าวต่อไปจะเป็นเช่นไร มิอาจประเมินได้ ดูเหมือนว่าไทยก็ขอกับจีนมาแล้วก่อนโควิด ลองดูสิว่าโควิดไปแล้วจีนจะมาไหม แต่ว่าแม่สายบัวคงไม่แต่งตัวเก้อหรอกเนอะ เพราะอีกหนุ่มก็ยิกๆ เข้ามาเหมือนกัน

ถ่านไฟเก่าแหยมๆ ไว้ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนนี้ ยินดีช่วยตั้ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ของไทยในโครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก บอกว่าอเมริกาอยากช่วยอย่างยิ่งเพราะตรงกับความปรารถนาจะเปิดแหล่ง ‘supplies chain’ ห่วงอุปทานของสหรัฐในไทยพอดี
 
ก็ให้ 'บังเอิญ' หรือ 'ทันท่วงที' ก็สุดแท้ ทูตอเมริกันคนนี้ ซึ่งนัยว่าช่ำชองเรื่องจีนเพราะเป็นซีอีโอบริษัทกวาดซื้อสินทรัพย์และเคยอยู่ฮ่องกงมานาน ภรรยาเป็นจีน เขียนบทความเชิงวิชาการ (ตีพิมพ์ภาษาไทยใน ข่าวสด) ถึง “การกระทำรุกราน...

ยุทธวิธีการบีบบังคับ บ่อนทำลาย และให้ข้อมูลบิดเบือนในทะเลจีนใต้” ว่ามีการ “เสริมกำลังของฐานทัพหลายแห่งรอบหมู่เกาะสแปรตลี (Spratly Islands) ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาท ด้วยการส่งเครื่องบินเข้าไปประจำการเพิ่ม”

ไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี สับแหลกตามนโยบายเป็นศัตรูกับจีนของรัฐบาลทรั้มพ์ว่าจีน “กระทำบุ่มบ่ามเพื่อแสดงสิทธิควบคุมทะเลจีนใต้ “ และนี่ “เป็นสัญญาณของการบั่นทอนเสถียรภาพของภูมิภาค และจำกัดเสรีภาพในการเดินเรือ ซึ่งเป็นหนึ่งแรงผลักดันหลักในการเติบโตของไทยและภูมิภาคนี้”

ทั้งยังเอ่ยถึง “ภัยแล้งที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ในแม่น้ำโขง” ว่าเป็นเพราะจีนสร้างเขื่อนมากมายที่ต้นน้ำ ทำให้ “บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังน้ำสามารถควบคุมการไหลของน้ำมายังปลายน้ำเพื่อผลประโยชน์” ได้มากขึ้น จึงขอให้รัฐบาลไทย “เรียกร้องความโปร่งใสและความรับผิดชอบจากจีน”


อย่างนี้ ถ้าเป็น สลิ่ม ต้องว่า โห รัฐบาลลุงตูบโคตรเจ๋ง มีอเมริกามาจีบใหม่แล้วยังจีนไม่ยอมตัดเยื่อใย ตอนนี้ไทยภายใต้รัฐบาล คอสเพลย์ประชาธิปไตย ของคณะยึดอำนาจเลยตกที่นั่ง วันทองจะเอาทั้งขุนช้างตาหยีหรือขุนแผนตาสีฟ้าดีล่ะ