วันศุกร์, พฤษภาคม 01, 2563

'ปลดล็อค' แล้ว จะคุยเสียหน่อยว่า 'เอาอยู่' โควิด-๑๙ ดันมีไทยแพ้ 'คิงส์เกต' มากั้น


เชื่อดิ ไม่วันนี้ก็วันพรุ่ง ด็อกเต้อโฆษก ศบค.คนนั้น ต้องออกมาคุยเห็นไหม รัฐบาลลุงตูบโคตรเก่งจัดการโควิด เอาอยู่แล้ว แต่จะคุยได้เต็มปากแค่ไหนให้รอดูโปรเฟ็สเซ่อโฆษกอีกคนแถ เรื่องอนุญาโตตุลาการตัดสินให้ คิงส์เกตชนะความ

เอาข่าวดีก่อน เขาคลายล็อคแล้วนะ ๖ ข้อ เริ่ม ๓ พฤษภาคม ศูนย์อำนวยการฉุกเฉินโควิดเห็นชอบมาตรการผ่อนปรนให้ธุรกิจและกิจกรรมสันทนาการหลายอย่างกลับมาเปิดทำการได้ ภายใต้ข้อกำหนด มาตรฐานกลางเป็นบรรทัดฐาน

มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและ กทม.จัดระเบียบความเข้มข้นของมาตรการ ใครจะยังควบคุมหนักหน่อยได้แล้วแต่สถานการณ์ แต่จะน้อยกว่ามาตรฐานกลางไม่ได้ โดยใช้ข้อกำหนดตามมาตรา ๙ พรก.ฉุกเฉินเป็นแนวทาง

ดังข้อ ๑๑ ของ พรก.ระบุให้ “ทำความสะอาดพื้นผิวสถานที่ที่เกี่ยวข้อง การใส่หน้ากากผ้า การล้างมือ การรักษาระยะห่าง ๑ เมตร มีแอ็ปพลิเคชั่นตามตัว” นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ ๖ กลุ่มที่ได้ผ่อนปรน ได้แก่
 
กลุ่มแรก “ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน แผงลอย” อีกกลุ่มคือ “ร้านอาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม ขนนหวาน ไอสศรีม (นอกห้าง) ร้านอาหารริมทาง รถเข็น และหาบเร่” แล้วยังมีกลุ่มร้านของชำ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต

กลุ่มนี้รวมถึง “ร้านสะดวกซื้อ (ซึ่งมี) บริเวณพื้นที่นั่ง/ยืนรับประทาน รถเร่ (พุ่มพวง) หรือรถวิ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดย่อย/ร้ายอาหารปลีกชุมชน และ ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม”

(อดคอมเม้นต์ไม่ได้ ที่จริงถ้าไม่แยกแยะ ก็รู้แล้วว่าทั้งหมดนี่รวมอยู่ใน เซเว่น เกือบทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะ) กลุ่มที่สี่เป็นพวกสันทนาการ กิจกรรมในสวนสาธารณะ เดิน วิ่ง จ็อกกิ้ง และ รำไทเก็ก กับการกีฬาและออกกำลังกายส่วนตัว

สำหรับกีฬาต้องเป็นชนิดไม่เล่นเป็นทีม ไม่ใช่การแข่งขัน พวกนี้มี เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน และกอล์ฟ ซึ่งแน่นอนว่ากีฬาพวกนี้บางอย่างไม่ได้เล่นเดี่ยว เช่น เทนนิสแบบดับเบิ้ล และกอล์ฟออกรอบเป็นก๊วน ก็ต้องรักษาระยะห่างให้เคร่งครัด เมตรเดียว

กิจการอื่นมีร้านตัดผม เสริมสวย น่าจะรวมถึงทำเล็บ แต่จะรวมถึง นวดด้วยหรือเปล่าต้องลุ้นรายละเอียด ยิบ อีกที ส่วนกิจการที่มี นาบ แบบวิคตอเรียเพื่อนเฮียแดง คงต้องตีความตามกล้ามเนื้อของหุ้นส่วน นอกนั้นก็เป็นร้าน กรูมมิ่ง สัตว์เลี้ยง

นั่นแค่ผ่อนคลายระยะแรกเท่านั้นนะ ขอดูผลภายในระยะเวลา ๑๔ วัน ถ้าไปได้สวยก็จะต่อระยะสองและสาม หมายถึงให้เปิดห้างสรรพสินค้า และ สถานบันเทิง งานอีเว้น ส่วนร้านขายสุรายาดองยังไม่ให้เปิดตลอดระยะต่ออายุ พรก.ฉุกเฉิน อีก ๑ เดือน

รูปนี้น่าจะมาถูกทาง ในเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มแค่หน่วยสิบติดต่อกันเกือบสองอาทิตย์ และต่ำกว่าสิบติดกัน ๓ วัน ต้องชมที่ปรึกษาผู้รู้จริง พร้อมทั้งบุคคลากรทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ และขอบใจรัฐบาลที่ยอมฟังหมอบ้าง

โดยเฉพาะถ้าดูคำแนะนำของ รศ.นพ.นภชาญ เอื้อประเสริฐ แห่งสำนักจุฬา ละก็ใช่เลย แกเน้นว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องเข้มงวดมาก เป็นเวลานานๆ เพื่อจะให้ได้ผลตัวเลขเป็นศูนย์ และเปิดแล้วก็ต้องมีมาตรการควบคุมที่ดีต่อไป

สำหรับกรณีอาจเกิดการระบาดระลอกสองที่ยังเป็นห่วงกันอยู่นั้น คุณหมอไม่ได้พูดถึง ดูคำแนะนำเกือบสิบข้อสำหรับทางปฏิบัติต่อไป หากทำตามนั้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องโควิดติดใจไตแลนเดียเสียจน ลมหวนแล้วละไม่เหมือน ผบ.รู้ดี มีคำแนะนำประชาชนไว้แล้ว
 
พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ บอกว่าไม่กังวลเรื่องนั้น เห็นเป็นเรื่อง ธรรมชาติเกิดได้ “ถ้ามีกติกาชัดเจนและประชาชนให้ความร่วมมือ มีวินัย เชื่อว่าเราสู้ได้แน่นอน” พูดอย่างตะหานหาญ คงไม่ต้องซื้อเครื่องบินขับไล่มาเพิ่มนะ


สู้ด็อกเต้อโฆษกไม่ได้ แทนที่จะพูดทำนองอะไรจะเกิดย่อมเกิด เที่ยวนี้ปล่อยทีเด็ดอีกจนได้ ไม่ยอมจืด เอ่ยถึงกรณีที่มีคนฆ่าตัวตายกันมากเพราะพิษเศรษฐกิจ ซ้ำเติมจากการบริหารโควิดผิดพลาดในระยะต้น ว่า “ไม่เหนือความคาดหมาย”

ไม่เท่านั้น คุณหมอโรคจิตอดีตดาราทีวีบอกอีกด้วยว่าจำนวนคนตายช่วงโควิด-๑๙ นี่น้อยกว่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง จึงมีคนที่ เกิดทัน ยุคนั้น โต้ตอบทันควัน “ไม่จริงๆ...อย่าอ้างมั่ว อย่าเบี่ยงเพื่อเอาดีใส่ตัวกัน ต้มยำกุ้งไม่ได้อดตาย”

ก็จริงของ Thanik Maseepitak เขานะ ตอนนั้น “คนที่เดือดร้อนคือเจ้าสัวทั้งหลาย ส่วนประชาชนไม่ได้ลำบากมากมาย หากินได้ ไปไหนมาไหนได้ มีอิสระเสรี” เช่นนี้ถึงได้แน่ใจว่าประยุทธ์คงกำชับไว้แล้ว หมอทวีศิลป์อย่าพูดเรื่องคิงส์เกตนะ

จากการปูดของ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ที่ว่าคำตัดสินอนุญาโตตุลาการออกมาแล้วสดๆ ซิงซิง ขอให้ติดตาม “จะต้องชดใช้เท่าไหร่ อย่างไร และตังค์ใคร” ก็มีประชากรออนไลน์บางคนออกมาตีกันไว้แล้วว่า ค่าปรับ “เชื่อว่าอาจสูงถึง ๑.๑ แสนล้าน

คนที่ต้องจ่ายก็ควรเป็นคุณประยุทธ์ซึ่งเคยประกาศจะรับผิดชอบเรื่องนี้” เขาบอกด้วยว่าถ้าจะเอาตัวรอดด้วยการ “ยกเหมืองให้ต่างชาติแทนค่าปรับ” ดังที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.พลังงานเคยเกริ่นไว้ละก็ “นั่นก็คือพลเอกประยุทธ์ที่เซ็นคำสั่ง กลับไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย”