..
COVID-19 UPDATE: นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าสถานการณ์แพร่ระบาดขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่ 2 ขอทุกคนอย่าตื่นตระหนก รัฐบาลมีความพร้อมในการเตรียมรับสถานการณ์แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เตรียมโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับสถานการณ์ที่จะมาถึง พร้อมระดมทีมแพทย์ พยาบาลมืออาชีพ ทั้งของรัฐ และเอกชน รวมถึงบุลากรที่เกษียณอายุมาช่วยประเทศในครั้งนี้ ระบุการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดของประเทศเพื่อความปลอดภัยของประชาชนคนไทยทุกคน ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องรองลงมา เตรียมเข้า ครม. เคาะเลื่อนหยุดสงกรานต์ 13-15 เมษายน ออกไปก่อนเพื่อลดการแพร่ระบาด โดยจะชดเชยวันหยุดให้ในโอกาสอื่นต่อไป
พร้อมกันนี้ยังได้พิจารณาการปิดสถานที่บางแห่ง ที่มีเกณฑ์ในการพิจารณาคือ ผู้คนชุมนุมเป็นกิจวัตร เป็นจำนวนมาก มีทางเลือกทางเลี่ยงแทนได้ เช่นสถานศึกษาที่อาจมีทางเลือกในการเรียนการสอนออนไลน์ หรือสามารถเลื่อนสอบได้ และสถานที่ที่มีโอกาสเสี่ยงสูง คนมาเพื่อกิจกรรมบางอย่าง มีการสัมผัสใกล้ชิด คับแคบ เช่นสนามมวย สถานที่อื่นๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เช่น ร้านอาหาร ก็ยังสามารถดำเนินการต่อได้ ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้ร่วมหารือกับ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เห็นชอบให้เลื่อนระยะเวลาการประชุมผู้ถือหุ้นในบริษัทเอกชน ตามกฎหมายระบุว่าต้องทำภายในเดือนเมษายนออกไปก่อน แต่หากบริษัทฯ ใดยืนยัน หรือจำเป็นต้องประชุม สามารถกระทำการตามประกาศคสช.ที่ 14/2557 ให้มีการจัดประชุมทางไกลในการประชุมทุกชนิดได้ แต่หากจำเป็นต้องประชุมแบบซึ่งหน้า ก็ต้องปฏิบัติตามาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขกำหนด มีการคัดกรองอุณหภูมิ มีเจลล้างมือ และหน้ากากอนามัยให้ผู้ถือหุ้นใช้ พร้อมกันนี้ ยังเตรียมพิจารณาการเยียวยา ผ่อนผันค่าเช่าที่ทั้งของ กทม. ท้องถิ่น อาคาร รัฐวิสาหกิจ รวมถึงการบังคับคดีขายฝาก หนี้นอกระบบให้สามารถไปเจรจาให้ถูกกฎหมาย
ส่วนการยกเลิกวีซ่า VOA 18 ประเทศ และฟรีซ่าอีก 3 ประเทศ ตามมาตรการของรัฐบาล ได้กำชับกระทรวงการต่างประเทศ ติดต่อประสานงานไปยังประเทศต่างๆ แล้ว พร้อมดูแลคนไทยที่กระจายอยู่ในต่างประเทศ ทั้งข้าราชการ ประจำสถานทูต กว่า 1,500 คน พระภิกษุสงฆ์ 1,500 รูป และแรงงานไทยอีก 100,000 คน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งตั้งทีมไทยแลนด์ โดยให้เอกอัครราชทูตเป็นหัวหน้าทีมในการให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนประสานข้อมูลกับประเทศต่างๆ ส่วนการเดินทางเข้าประเทศไทย ก็จะมีมาตรการเข้มงวดมากขึ้น และจะมีการพิจารณาประเมินประเทศเสี่ยงเพิ่มเติมเป็นรายวัน
เกี่ยวกับหน้ากากอนามัย ขณะนี้ ได้เร่งการผลิตเป็นวันละ 2 ล้านชิ้น และกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งว่ามีต่างประเทศพร้อมที่จะช่วยเหลือในส่วนของหน้ากากอนามัย และเวชภัณฑ์ เช่น ชุดป้องกันเชื้อ ppe ยา และ อุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมระบุว่าขณะนี้ได้ยึดหน้ากากอนามัยของกลางที่เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายกว่า 1 ล้านชิ้นเข้าสู่ศูนย์โควิด เพื่อนำมาแจกจ่ายประชาชน
ขณะที่นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตเหมือนปกติ อย่ากักตุนอาหาร เพราะยังไม่ถึงสถานการณ์ขั้นวิกฤต
ด้านกระทรวงสาธารณสุข สรุปตัวเลข มีจำนวนคนไข้ยืนยันสะสมทั้งหมด 147 ราย เพิ่มขึ้นในวันนี้ 33 ราย โดยเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคนไข้รายเก่า 16 ราย และผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 17 ราย โดยแพทย์ได้เน้นย้ำว่า การรวมตัวกันเป็นหมู่มากเป็นประเด็นสำคัญในการแพร่เชื้อโควิด-19 หากมีไข้ หรือรู้สึกไม่สบายให้อยู่บ้าน อย่าออกไปไหน และหากมีอาการอื่นที่บ่งชี้ร่วมด้วยหรือมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อขอให้ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย และไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ชัด หลีกเลี่ยงการใช้ขนส่งสาธารณะหากเป็นไปได้
#TheReporters #โควิด19 #COVID19 #ศูนย์โควิด #วิษณุ
...
.
For your meme-ing pleasure, here’s how Thai PM @prayutofficial just finished his TV address to the nation on #COVID19…— Saksith Saiyasombut (@SaksithCNA) March 16, 2020
"#THAILAND HAS TO BE VICTORIOUS!" pic.twitter.com/nNdru2TKd2
