มันอะไรกันหนา ไอ้พวกรัฐมนตรี รัฐมนจัตวา รัฐมนเอก
(พิเศษ) รัฐบาลชุดนี้ บีบน้ำตากันเก่งฉิบ บ้างร้องไห้กลัวไม่สำเร็จ
บางคนร้องเพราะบทพาไป คนใหม่นี่พอเข้าตาจนไม่รู้จะออกบทไหนดี ร้องแม่งเลย
ล่าสุดนี่ ‘เฮียหนู’
ไง
อนุทิน ชาญวีรกูล
ผู้เดินตามสถานการณ์ไม่ทัน แถลงเรื่องไวรัสโคโรน่าได้หน่อย บอกจะทำเพื่อคนไทย ไหงทำหน้าเบะเสียแล้ว
ชาวบ้านเขาจ้องว่าไปถึงไหนไอ้มาตรการไล่เก็บศพน่ะ ดั๊น “มึงมาก๊อปปี้บท ‘ไอ้แดง’ ทำไม เด๋วโดนตบ”
นั่นนักรบไซเบอร์ เช่น @Papa1Zara เขาว่า เพราะความจำไม่สั้น ไม่นานนี้เองรัฐมนเอก
(พิเศษ) เปิดบรรยายเรื่องสงครามโซเชียลมีเดีย เป็นนัยว่าที่ประชาชนจับได้ทหารทำ ‘ไอโอ’ กิจการใหญ่ มันมีที่มาและที่จะไป
อีกคนที่เขาพากันนึกได้ ‘ผู้มาก่อนกาล’ เรื่องเล่นบทโศรกบนเวทีปราศรัย หลังจากเคี้ยวกระท่อมได้ที่ก็ต้องมีตะเลงเต่งตุมน้ำตาไหลย้อย
คนนี้โชคไม่ดีไม่ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะมีแผลเยอะ เลยเป็นแค่รัฐมนจัตวา
ออกมาขานรับผู้มีพระคุณเป็นครั้งคราว
ส่วนที่เป็น ‘รัฐมณโฑ’ ออกไปคนละแนว
คนนี้ไม่เล่นแต่เป็นเพราะสันดอน สอนสั่งกันมาแต่อ้อนแต่ออกอย่างนั้น
พอนักข่าวถามเรื่องมาตรการปิดเมืองที่ค่อยๆ ออกมากระปริบๆ เนี่ย
ทำให้คนตกงานเป็นล้านแล้ว ไม่มีมาตรการช่วยเหลือบ้างหรือ
เท่านั้นแหละ รองเลขาฯ นายกฯ กอปศักดิ์
สภาวสุ ‘snapped’ เหน็บกลับทันที
(ถามอย่างนี้) “นักข่าวอยากได้เงิน” กันเหรอ นักข่าวอย่าง @Ping_VoiceTV แค่ย้อนว่า “นี่โกรธนะ” แต่ผู้ประกาศข่าวอย่าง sirote klampaiboon @sirotek ซัดแรง
“รัฐบาลปากเสีย...กอปศักดิ์
ก็ปากพล่อยแดกดัน” พร้อมเสร็จสรรพคุณรัฐมณโฑ “กอปศักดิ์เป็นรัฐมนตรีที่ทำเศรษฐกิจพังมาห้าปี
ตอนนี้เป็นรองเลขานายก ถ้าทำเพื่อประชาชนไม่ได้ก็ออกไป” ปัญหาหนักหนาบนหลังบนบ่าประชากรอยู่ที่
รัฐมนตรีมาช้า มาไม่ทันกันประจำ
เช่นกรณีวานนี้วันเดียว จำนวนคนติดเชื้อเพิ่มอีก ๑๘๘ ราย ทำให้ยอดสะสมขึ้นมาระดับ
๖๐๐ ทั้งนี้เพราะเกิดจากการแพร่เชื้อที่สนามมวยลุมพิณีเมื่อ ๖ มีนาคม “เซียนมวยติดไวรัสมาจากคนในครอบครัวซึ่งกลับจากอิตาลี
แพร่ต่อในสนามมวยกว่า ๕๐ คน” ซึ่งกลายเป็น ‘Super
Spreaders’ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ แฟนคลับเผยด้วยว่า ‘โควิด’ สายพันธุ์ย่อยที่อิตาลี่นี่ “ดุร้ายกว่าประเทศอื่นในเอเชีย สามารถเพิ่มจำนวนในปอดได้รวดเร็ว ทำให้แพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นมากขึ้น
และเชื้อนี้เล่นงานปอดอย่างหนัก
ทำให้ปอดอักเสบอย่างรุนแรง ระบบหายใจล้มเหลว อัตราการเสียชีวิตจึงสูงมาก” @joe_black317 ช่วยอธิบายสรุปจากที่หมอมนูญชี้ไว้ว่า “ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อ
๔๗,๐๒๑ คน ยอดเสียชีวิต ๔,๐๓๒” เท่ากับอัตราตาย ๘.๖%
แล้วผลของวิธีการแก้ไขแบบไล่ตามหลัง
บางทีก็ไล่ไม่ทัน “ปิดเมืองโดยไม่เตรียมพร้อม...พอไม่ปิดประเทศ คนติดเชื้อเพิ่มเท่าตัวรายวันต้องรีบปิดเมือง
แต่ไร้มาตรการเยียวยา คนก็กลับบ้านแออัดจน #Covid19
ยิ้ม” @meVnus แย้ป
นี่แหละความ ‘ไร้เดียงสา’ ทางการบริหารกิจการบ้านเมือง “เมื่อก่อนขายอิฐขายปูน”
มาอยู่ ‘สาสุข’ เพื่อจะขายกัญชา ถึงต้องบีบน้ำตาแก้เกี้ยว
ความแออัดตามสถานีขนส่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ฝ่ายโฆษณาการกองทัพ @WassanaNanuam บอกว่า
เป็น “ทะลัก ทะเล้น ผลพวงที่คาดไม่ถึง”
หลังจาก กทม.ประกาศปิดสถานที่ต่างๆ (๒๖ รายการ) ๒๒ วัน “แถมมหาดไทยสั่งปิดด่าน ๑๘
ด่านชายแดน...เลยแห่กันกลับบ้าน” ทั้งแรงงานชาวลาวล้นหมอชิต ชาวเขมร พม่าท่วมด่าน
ชนิดที่ @MayWongCNA สำนักข่าวจีนรายงานว่า “ลาวกับพม่ายังไม่ปรากฏการติดเชื้อ แต่เขมรมีแล้ว
๔๐ ราย การทะลักกลับภูมิลำเนาเดิมในประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้น
แน่ใจได้หรือว่าจะไม่มีใครนำไวรัสจากไทยกลับไปด้วย”
โอ้ว ที่จริงน่ะเป็นเรื่องคาดถึงได้อย่างยิ่งนะคุณวาส
คือ “แทนที่จะปิดประเทศก่อน แล้วค่อยมาปิดกรุงเทพ แล้วค่อยปิดห้าง scope
scale ให้มันแคบลง รัฐนี้แม่งทำตรงกันข้าม” ใช่เลยอย่างที่ @UncleCafe เค้าว่า เพราะที่รัฐไทยทำอยู่นี่เป็น ‘งูกินหาง’
ที่หวาดเสียวกว่านั้น จากทวี้ตของ Andrew
MacGregor Marshall @zenjournalist “ได้รับรายงานว่า
มีข้าราชบริพารที่เดินทางจากนครมิวนิคถึงกรุงเทพฯด้วยเที่ยวบิน ‘ทีจี๙๒๕’ จำนวนนับสิบๆ มีอาการของโคโรน่าไวรัส
จึงต้องกักตัวไว้ที่ กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
ทั้งนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงส่งข้าราชบริพารบางส่วนที่ประจำอยู่ในเยอรมนีกลับประเทศไทย
๑๑๙ คน และพระองค์เสด็จประทับที่โรงแรม Grand
Hotel Sonnenbichl
โดยมีนางสนมจำนวนไม่มาก ราว ๒๐
คนยังคงเฝ้าถวายงานอยู่ที่เมือง Garmisch-Partenkirchen ที่ตั้งโรงแรม และคาดว่าพระองค์เองจะเสด็จมาประเทศไทยอีกครั้งในเดือนเมษายน”
*หมายเหตุ 'Covidiot' มาจาก Urban Dictionary ตามความหมายดังนี้...