วันอาทิตย์, มีนาคม 29, 2563

ตอนนี้ #เราไม่ทิ้งกัน ๑๐ ล้านแล้ว ต่อไปจำนวนติดเชื้อจะเท่าไหร่ ในเมื่อวิถีเส้นกร๊าฟ 'พุ่งจี๊ด'


โคโรน่าไวรัสในไทยยังจะไปอีกยาว ดูจากวิถี (trajectory) เส้นกร๊าฟเมื่อวันที่ ๒๘ มีนา พุ่งจี๊ดเกือบเป็นแนวตั้ง (vertical) เหมือนอิตาลีและอเมริกา แถมจำนวนผู้ติดเชื้อในต่างจังหวัดแซงหน้ากรุงเทพฯ (๕๙%) ผลของมาตรการปิดเมืองแล้วคนแห่กลับบ้านเดิม

ส่วนที่คึกคักตอนนี้ก็เป็นการเยียวยา ๕ พันบาท สำหรับคนตกงานและแรงงานนอกระบบซึ่งไม่ได้อยู่ในโครงการประกันสังคม ที่ตั้งชื่อเก๋ไก๋ว่า #เราไม่ทิ้งกัน เปิดให้ตั้งแต่เมื่อวาน เพิ่งเริ่มลงทะเบียนได้เมื่อราวทุ่มกว่าๆ เพราะปัญหา “เปิดปุ๊บล่มปั๊บ”

จนถึงวันนี้เมื่อเกือบเจ็ดโมงครึ่ง จำนวนผู้ลงทะเบียนทะลุ ๑๐ ล้านแล้ว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเกิน ๑,๒๐๐ คน ไม่ว่า หอการค้าไทยจะออกมาพยายามสร้างขวัญกำลังใจอย่างใดๆ ว่ามาตรการเยียวยานี้ได้ผลดี เสียแต่ถ้า

“บุคคลที่มีศักยภาพในด้านการเงิน โดยเฉพาะมหาเศรษฐีที่ติด ๑๐ อันดับของประเทศ ออกมาช่วยสนับสนุน เพราะการที่บุคคลเหล่านี้รวยได้ ก็มาจากคนในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงอยากให้ทำอะไรดีๆ คืนสู่สังคมบ้าง” ก็เถอะ

ความจริงก็คือการรับมือ โควิด-๑๙ ในไทยยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ อุปกรณ์การแพทย์สำหรับใช้ทั้งในการปกป้อง ตรวจหาเชื้อไวรัส กับการรักษาผู้ป่วย ยังไม่เพียงพอ และจะยิ่งสากรรจ์เมื่อต่อไปพบว่าการติดเชื้อเพิ่มในอัตราเร่ง (exponentially)
 
กระทั่งในขณะที่อัตราติดเชื้อพุ่งอย่างนี้ ยังไม่สามารถเชื่อใจได้ว่าตัวเลขตรงกับความเป็นจริงแค่ไหน เอ้วเอ้ว ชาวนนทะบูลลี่ @youcallmeels ทายทักตารางผู้ติดเชื้อของทางการ “ตรวจวันละไม่ถึงพันเคส ก็ว่า ทำไมยอดไม่ขึ้น หึหึ”

ทางด้าน ‘Thirdd Sapol’ เสริม “เมื่อวานอธิบดีกรมวิทย์ฯ บอกว่าถึงปัจจุบันตรวจมาแล้ว ๔๐,๐๐๐ คน แต่จากตัวเลขมันได้แค่ ๑๐,๐๐๐ คนเอง (= PUI ลบด้วย Under Exam.) อีก ๓๐,๐๐๐ ไปไหน” แล้วตัวเลขรอตรวจ หรือ Under Exam. เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“การรายงานตัวเลขรายจังหวัดก็มีปัญหา...แถมยังมีตัวเลขไม่ตรงอีก เช่น เมื่อวานนนทบุรีรายงาน ตัวเลขเพิ่ม ๑๔ คน แต่ในการแถลงของกระทรวงเลขไม่เห็นขึ้น” จากเหตุไปหาผล “การตัดสินใจที่ถูกต้องฉับไว ย่อมต้องเกิดขึ้นจากข้อมูลที่แม่นยำ”

กุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้อยู่ที่ การเปิดฉากรับมืออย่างทันควันและทำการตรวจหาผู้ติดเชื้อแต่แรกเริ่มทันที อย่างที่ไต้หวันและเยอรมนีทำ เชื่องช้าเพราะคิดไม่ถึงอย่างอิตาลี หรือเพราะอวดดีอย่างสหรัฐและไทย รอดได้ก็สวรรค์โปรด

ในสหรัฐยังดีที่เสียงจากประชาชนและบุคคลากรการแพทย์ ดังพอให้ทรั้มพ์ยอมรับฟังในเวลาไม่นานนัก (เดี๋ยวนี้เอาไปใช้หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งปลายปีแล้วนี่ ขณะที่คู่แข่งหมดโอกาส) แต่ว่า ไอทู้บ ของไทยอาจไม่ เขี้ยว เท่าทรั้มพ์ เลยเอาแต่เงียบปล่อยให้ ‘Hear Noooo’ เล่นอยู่คนเดียว

ก็เลยมีแฮ้สแท็ก #อนุทินออกไปเหอะ ออกมาแซง #รัฐบาลส้นตีน อยู่ขณะนี้ ด้วยเหตุว่า “จริงจ้า แพทย์ต้องมานั่งตัดชุด ทำแมสเองอ่ะ แล้วตอนนี้คือทำไม่ทัน ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน” เสียงบ่นก่นด่าจาก @sumaterh
 
พร้อมกันไปกับโรงพยาบาลหลายแห่งออกประกาศ ขอรับบริจาคบ้างระบุต้องการเพียงวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น แต่แห่งอื่นถ้ามาเป็นตัวเงินก็โอเค จนมีคนเซี้ยวเฮี้ยวเสียจนน่าโขก เหน็บว่า “บุคคลากรทางการแพทย์...ยามนี้ช่างมีความอดทนสูงเสียเหลือเกิน”

หรือจะเป็นเพราะจากที่ “หมอ รพ.รัฐใน ตจว.เล่ามาตอนนี้เหลือหน้ากากกับชุด PPE ใช้ไม่ถึงเดือน ถูกสั่งจาก ผญ.ว่าต้องรายงานเข้าส่วนกลางว่าของมีพอใช้ตลอด” orawan ข่าวเข้ม @tukorawan ทวี้ตเมื่อวันก่อน

“ส่วนที่ว่า สธ.จะส่งของให้ ขอไปสองอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ พอเอกชนจะบริจาคก็ถูกห้ามถ่ายรูปเกรงเสียภาพพจน์ ถ้าโวยผ่านโซเชียลถูกขู่สั่งย้าย เพราะนโยบายสั่งมาห้ามทำคนแพนิค” อ่า แก้โรคระบาดด้วย ศอฉ. ก็อย่างนี้แหละ