ในขณะที่สถานการณ์แพร่ของ โควิด-๑๙
เข้าสู่โหมด ‘เร่งขยาย’
แตกกระจายเป็นสิบเป็นร้อยเท่า “ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น” ฝ่ายทหารก็เข้าสู่โหมด
‘ควบคุม’ ไม่เฉพาะแต่ทหาร ตำรวจ
และหน่วยปราบปรามเท่านั้น ได้ขยายไปสู่เอกชน อย่างเฉียบพลัน
หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการฉุกเฉินด้านความมั่นคงได้ประสานไปยัง
หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร และผู้ประกอบการเอกชน ให้ “หาทางปรับลดเวลาทำงานของพนักงาน...เพิ่อลดการออกจากบ้านให้น้อยที่สุด”
ตามรายงานของ วาสนา นาน่วม โฆษกไม่เป็นทางการของกองทัพแจ้งว่าพลเอก
พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด ‘ตามจี้’ ตรวจผล “เสาร์-อาทิตย์นี้ และต่อไปอีก ๕ วัน ดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
หลังจากที่ ศปม. ได้จัดตั้ง ‘จุดควบคุม’ การเคลื่อนย้ายของผู้คน ๓๕๗ แห่งทั่วประเทศ
รู้ละว่าการสะกัด ควบคุม และสั่งการ
เหล่านั้นเป็นความชำนัญพิเศษของคนที่ฝึกมาจาก จปร.อันรวมถึงความรักปักปำและปกป้องต่อคนในแวดวงเดียวกัน
อย่างเช่นทำไม่รู้ไม่ชี้กรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์
ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมออกมาแฉ
อัจฉริยะนำหลักฐาน ๑๖๙ แผ่นมอบตำรวจ
ระบุว่ามี ๑ พันบริษัทที่นำเข้าหน้ากากอนามัยและวัตถุดิบทางแพทย์
ทั้งยังแจ้งนามบริษัทหนึ่งใน ๑๑ แห่งที่อยู่ในกำกับของกรมการค้าภายใน แต่ลักลอบเอาสินค้าไปขายตามสั่งแก่จีนและออนไลน์
บริษัทที่ลักลอบและละเมิดเหล่านั้น “มีทหารเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
อย่างเช่นในพื้นที่ จ.ปทุมธานี
ได้รับรายงานว่ามีทหารเข้าไปสั่งโรงงานไม่ให้ผลิตแอลกอฮอล์เพื่อให้ขาดตลาด ส่วนกลุ่มนักการเมืองเป็นกลุ่มที่เคยพูดมาก่อน
อยู่ในกระทรวงพาณิชย์ หลักฐานเริ่มปรากฏขึ้นเรื่อยๆ”
ทางด้านการแพทย์ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญยิ่งยวดในการต่อสู้กับการระบาดร้ายแรงของไวรัสสายพันธุ์โคโรน่านี้
ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่
คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์แถลงไว้เมื่อสองวันก่อนหน้า
ว่าสามารถผลิตชุดตรวจที่รู้ผลได้เกือบทันทีสำเร็จ
“เราเรียกชุดตรวจว่องไว” ศ.นพ. ธีระวัฒน์
เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์ฯ เปิดเผยว่าใช้โปรตีนที่สกัดจากต้นไม้ชนิดหนึ่งเป็นตัวยา “เจาะเลือดปลายนิ้วหยดในหลุม
๒ นาทีก็ขึ้นมาว่าติดหรือไม่ติด” สนนราคาแต่ละเครื่อง “จริงๆ แล้วไม่ควรเกิน
๔๐๐ บาท”
ตอนนี้ผลิตเบื้องต้น ๕๐๐ ชุด
ส่งไปให้โรงพยาบาลที่จังหวัดแห่งหนึ่งเริ่มใช้
และเป็นทดสอบไปด้วยในตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่นั่น สำหรับประชาชนทั่วไปต้องรอ
“คิดว่าอีก ๑-๒ อาทิตย์” ให้ต้นไม้ที่จะนำมาใช้สกัดเอาโปรตีนโตได้ที่เสียก่อน
จากนั้นผลิตจำนวนมาก “ต่อไปอาทิตย์ละ ๕ พัน
อาทิตย์ละหมื่นชุด ต่อไปเรื่อยๆ” เมื่อถามว่า “รัฐบาลรู้หรือยัง”
หมอธีรวัฒน์อึ้งไปหน่อยหนึ่งก่อนบอกว่า “ขณะนี้เราทำงานภายใต้คนที่หน้าด่านจริงๆ...เงินทองไม่ค่อยจะมี
ก็ค่อยๆ ช่วยกันไป”
ไม่กี่วันต่อมา ฝ่ายแพทย์โดนรัฐมนตรีสาธารณสุขเหมาด่าเสียแล้ว
ไม่เกี่ยวกับเรื่องแอบผลิตชุดตรวจด้วยทุนบริจาคหรอกนะ
แต่เป็นเรื่องที่นักข่าวถามกรณีมีบุคคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัส
อดีตนายหน้ารับเหมาก่อสร้าง ผู้เชี่ยวชาญกัญชาซัดซะ
“นี่คือสิ่งที่ต้องไปหวดกัน”
อนุทิน ชาญวีรกูล ปากพล่อยต่อท้ายการปฏิเสธอย่างมั่วซั่วว่า “การติดเชื้อของแพทย์จากการปฏิบัติหน้าที่ให้การรักษาโควิด-๑๙
ยังไม่มี” ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงในจำนวนหมอและพยาบาลที่ติดเชื้อ ๑๑ คนนั้น
มีเพียงสองราย ‘ไม่ระบุ’ ว่าติดเชื้อมาอย่างไร นอกนั้นเกี่ยวพันกับการรักษาผู้ป่วยทั้งนั้น
หนึ่งในสองรายเป็นพยาบาลคนที่ฟู่ฟ่าทางโซเชียลมีเดีย
เพราะบริภาษณ์ความไร้ประสิทธิภาพของ รมว.สาธารณสุขเอาไว้เยอะ
แต่จะเป็นเช่นที่อนุทินกล่าวหา
ว่า “ไปติดเชื้อมาจากการไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
แต่ยังมาทำงาน ทำให้เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ต้องถูกกักตัว เสียกำลัง
ขาดบุคลากรที่จะมาทำงานให้ประชาชนไปด้วย” หรือเปล่าไม่รู้
แต่ผลก็คือเมื่อพูดออกไปอย่างนั้น ทัวร์ก็มาลงที่เสี่ยหนูระบม
จึงต้องมีการแก้ตัวว่า “เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด”
อ้างเฉพาะตอนที่โพล่งว่า “พวกเราก็ไม่พอใจนะครับสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เฝ้าระวังตัวเอง”
และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่ไม่ต้องพูดถึงความปากเสียเมื่อครั้งก่อน
อนุทินใช้โอกาสในการไปร่วมพิธี “รับมอบเวชภัณฑ์จากมูลนิธิ
แจ็ค หม่า และมูลนิธิ ‘อาลีบาบา’ ประกอบด้วยหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ๕ แสนชิ้น, หน้ากาก
N95 ๕ หมื่นชิ้น ชุดป้องกันเชื้อโรค ๕หมื่นชิ้น”
เนื่องจากเมื่อตอนแรกที่แจ็ค หม่า ทาบทามมาจะขอบริจาค
อนุทินดันบอกว่าขอบคุณในน้ำใจแต่ไม่ต้องการ
คราวนี้ตัวเองอาจยังไม่ต้องการแต่ต้องไปรับมอบ ซึ่งก็ล้วนเป็นกิจกรรมต่างๆ ของ
รมว.สาธารณสุขที่ไม่ได้ส่งผลต่อการแก้ปัญหาไวรัสระบาดได้เท่าไรเลย