วันศุกร์, มีนาคม 27, 2563

ซ้ำซากปากพล่อยแล้วค่อยมาแก้ตัว เรื่องถ่วงประสิทธิภาพสู้ระบาดไวรัส


ในขณะที่สถานการณ์แพร่ของ โควิด-๑๙ เข้าสู่โหมด เร่งขยาย แตกกระจายเป็นสิบเป็นร้อยเท่า “ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น” ฝ่ายทหารก็เข้าสู่โหมด ควบคุมไม่เฉพาะแต่ทหาร ตำรวจ และหน่วยปราบปรามเท่านั้น ได้ขยายไปสู่เอกชน อย่างเฉียบพลัน

หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการฉุกเฉินด้านความมั่นคงได้ประสานไปยัง หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร และผู้ประกอบการเอกชน ให้ “หาทางปรับลดเวลาทำงานของพนักงาน...เพิ่อลดการออกจากบ้านให้น้อยที่สุด”

ตามรายงานของ วาสนา นาน่วม โฆษกไม่เป็นทางการของกองทัพแจ้งว่าพลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด ตามจี้ ตรวจผล “เสาร์-อาทิตย์นี้ และต่อไปอีก ๕ วัน ดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น” หลังจากที่ ศปม. ได้จัดตั้ง จุดควบคุมการเคลื่อนย้ายของผู้คน ๓๕๗ แห่งทั่วประเทศ

รู้ละว่าการสะกัด ควบคุม และสั่งการ เหล่านั้นเป็นความชำนัญพิเศษของคนที่ฝึกมาจาก จปร.อันรวมถึงความรักปักปำและปกป้องต่อคนในแวดวงเดียวกัน อย่างเช่นทำไม่รู้ไม่ชี้กรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมออกมาแฉ
 
อัจฉริยะนำหลักฐาน ๑๖๙ แผ่นมอบตำรวจ ระบุว่ามี ๑ พันบริษัทที่นำเข้าหน้ากากอนามัยและวัตถุดิบทางแพทย์ ทั้งยังแจ้งนามบริษัทหนึ่งใน ๑๑ แห่งที่อยู่ในกำกับของกรมการค้าภายใน แต่ลักลอบเอาสินค้าไปขายตามสั่งแก่จีนและออนไลน์

บริษัทที่ลักลอบและละเมิดเหล่านั้น “มีทหารเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่นในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ได้รับรายงานว่ามีทหารเข้าไปสั่งโรงงานไม่ให้ผลิตแอลกอฮอล์เพื่อให้ขาดตลาด ส่วนกลุ่มนักการเมืองเป็นกลุ่มที่เคยพูดมาก่อน อยู่ในกระทรวงพาณิชย์ หลักฐานเริ่มปรากฏขึ้นเรื่อยๆ”


ทางด้านการแพทย์ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญยิ่งยวดในการต่อสู้กับการระบาดร้ายแรงของไวรัสสายพันธุ์โคโรน่านี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์แถลงไว้เมื่อสองวันก่อนหน้า ว่าสามารถผลิตชุดตรวจที่รู้ผลได้เกือบทันทีสำเร็จ

“เราเรียกชุดตรวจว่องไว” ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์ฯ เปิดเผยว่าใช้โปรตีนที่สกัดจากต้นไม้ชนิดหนึ่งเป็นตัวยา “เจาะเลือดปลายนิ้วหยดในหลุม ๒ นาทีก็ขึ้นมาว่าติดหรือไม่ติด” สนนราคาแต่ละเครื่อง “จริงๆ แล้วไม่ควรเกิน ๔๐๐ บาท”

ตอนนี้ผลิตเบื้องต้น ๕๐๐ ชุด ส่งไปให้โรงพยาบาลที่จังหวัดแห่งหนึ่งเริ่มใช้ และเป็นทดสอบไปด้วยในตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่นั่น สำหรับประชาชนทั่วไปต้องรอ “คิดว่าอีก ๑-๒ อาทิตย์” ให้ต้นไม้ที่จะนำมาใช้สกัดเอาโปรตีนโตได้ที่เสียก่อน
 
จากนั้นผลิตจำนวนมาก “ต่อไปอาทิตย์ละ ๕ พัน อาทิตย์ละหมื่นชุด ต่อไปเรื่อยๆ” เมื่อถามว่า “รัฐบาลรู้หรือยัง” หมอธีรวัฒน์อึ้งไปหน่อยหนึ่งก่อนบอกว่า “ขณะนี้เราทำงานภายใต้คนที่หน้าด่านจริงๆ...เงินทองไม่ค่อยจะมี ก็ค่อยๆ ช่วยกันไป”


ไม่กี่วันต่อมา ฝ่ายแพทย์โดนรัฐมนตรีสาธารณสุขเหมาด่าเสียแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องแอบผลิตชุดตรวจด้วยทุนบริจาคหรอกนะ แต่เป็นเรื่องที่นักข่าวถามกรณีมีบุคคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัส อดีตนายหน้ารับเหมาก่อสร้าง ผู้เชี่ยวชาญกัญชาซัดซะ

นี่คือสิ่งที่ต้องไปหวดกัน” อนุทิน ชาญวีรกูล ปากพล่อยต่อท้ายการปฏิเสธอย่างมั่วซั่วว่า “การติดเชื้อของแพทย์จากการปฏิบัติหน้าที่ให้การรักษาโควิด-๑๙ ยังไม่มี” ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงในจำนวนหมอและพยาบาลที่ติดเชื้อ ๑๑ คนนั้น
 
มีเพียงสองราย ไม่ระบุ ว่าติดเชื้อมาอย่างไร นอกนั้นเกี่ยวพันกับการรักษาผู้ป่วยทั้งนั้น หนึ่งในสองรายเป็นพยาบาลคนที่ฟู่ฟ่าทางโซเชียลมีเดีย เพราะบริภาษณ์ความไร้ประสิทธิภาพของ รมว.สาธารณสุขเอาไว้เยอะ แต่จะเป็นเช่นที่อนุทินกล่าวหา

ว่า “ไปติดเชื้อมาจากการไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่ยังมาทำงาน ทำให้เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ต้องถูกกักตัว เสียกำลัง ขาดบุคลากรที่จะมาทำงานให้ประชาชนไปด้วย” หรือเปล่าไม่รู้ แต่ผลก็คือเมื่อพูดออกไปอย่างนั้น ทัวร์ก็มาลงที่เสี่ยหนูระบม

จึงต้องมีการแก้ตัวว่า “เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด” อ้างเฉพาะตอนที่โพล่งว่า “พวกเราก็ไม่พอใจนะครับสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เฝ้าระวังตัวเอง” และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่ไม่ต้องพูดถึงความปากเสียเมื่อครั้งก่อน

อนุทินใช้โอกาสในการไปร่วมพิธี “รับมอบเวชภัณฑ์จากมูลนิธิ แจ็ค หม่า และมูลนิธิ อาลีบาบา ประกอบด้วยหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ๕ แสนชิ้น, หน้ากาก N95 ๕ หมื่นชิ้น ชุดป้องกันเชื้อโรค ๕หมื่นชิ้น”

เนื่องจากเมื่อตอนแรกที่แจ็ค หม่า ทาบทามมาจะขอบริจาค อนุทินดันบอกว่าขอบคุณในน้ำใจแต่ไม่ต้องการ คราวนี้ตัวเองอาจยังไม่ต้องการแต่ต้องไปรับมอบ ซึ่งก็ล้วนเป็นกิจกรรมต่างๆ ของ รมว.สาธารณสุขที่ไม่ได้ส่งผลต่อการแก้ปัญหาไวรัสระบาดได้เท่าไรเลย