ในห้วงเวลาไวรัสระบาด เราจะเห็นสปิริตของคนในสถานที่นั้น
คนต่างชาติที่ผมพบในสหรัฐฯ กระทั่งคนอเมริกันเอง ก่อนเขาลาจากกันเพื่อ Social distant ผมพบว่าเขาให้กำลังใจกัน และผมก็ได้รับกำลังใจนั้นด้วย
"Take care"
"Hope you will be healthy"
เพื่อนคนเวียดนามในสหรัฐ พาไปคลายเครียดด้วยการหาไวน์ดีๆ ให้
คนที่คอร์แนลช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ส่งตรงเราจากมหาวิทยาลัยสู่สนามบินใน New York โดยเลี่ยงฝูงชนให้ได้มากที่สุด
เขาพูดหลายครั้งว่า "Sorry about the situation like this" (ขอโทษที่ต้องทำให้คุณมาเจอสถานการณ์แบบนี้ในสหรัฐฯ) ทั้งที่สถานการณ์นี้ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาด้วยซ้ำ ด้วยนี่คือการระบาดระดับโลก
ผมชื่นชมอย่างยิ่งกับการทำหน้าที่ของสื่อในสหรัฐฯ พวกเขากัดรัฐบาลไม่ปล่อย แม้ว่าสถานการณ์การทำงานของนักข่าวจะเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะระดับท้องถิ่นหรือระดับชาติ
สองสภาไม่ว่าจะเดโมแครต (สภาล่าง) ริพับลิกัน (สภาสูง) ร่วมใจกันอนุมัติแพ็กเกจงบประมาณที่มีขนาดใหญ่กว่างบประมาณประจำปีของของไทยราวสองเท่าโดยยุติศึกในสภาชั่วคราว เหลือเรื่องเดียวที่เป็นปัญหาตอนนี้คือการบริหารของทรัมป์ที่เละเทะมั่วซั่ว
ถ้าผมเป็นชาวอเมริกัน ผมยังมีความหวัง เพราะระบบประชาธิปไตยยังคงทำงานแม้ว่าจะอยู่ในภาวะวิกฤติ
ผมจะไม่พูดถึงสถานกงสุลไทยในนครนิวยอร์ก ทางการไทยที่ออกระเบียบซ้ำเติมคนไทยในต่างแดนที่จะกลับบ้าน โดยที่มาตรการเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลให้ป้องกันโรคโควิด 19 แต่อย่างใด ซ้ำจะทำให้คนไทยที่จะกลับลำบากมากขึ้น
คนไทยในสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งที่ผมเจอโดยบังเอิญ จำนวนมากกลับไม่ใช่คนที่เอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤติ และเหยียดคนไทยด้วยกันเองว่าเป็นตัวเชื้อโรค (ทั้งที่เขายังไม่ได้ป่วย)
ในยามวิกฤติ คนไทยในไทยในประเทศส่วนหนึ่งที่ผมติดต่อผ่านอินเทอร์เน็ต กลับซ้ำเติมด้วยคำพูดราวกับว่าคนไทยนอกประเทศเป็นตัวเชื้อโรคเช่นกัน "จะเข้าประเทศได้หรือ" แล้วก็ยิ้มเยาะด้วยอารมณ์ขัน
คนไทยจำนวนมากยังไม่ได้ป่วย แต่ผมมั่นใจว่ากำลังจะป่วยตอนกลับบ้านเพราะมาตรการที่ทางการไทยออกมา (ขอใบรับรองแพทย์ในต่างแดน ซึ่งทำยากมากและไม่มีหมอที่ไหนออกใบรับรองให้ กับขอใบรับรองจากสถานทูต ซึ่งไม่มีความพร้อมเท่าไรนักในการออกใบรับรองที่ว่านี้ ทำให้คนไปรวมตัวกันจำนวนมากอีก)
ในยามวิกฤติ เราจะเห็นสปิริตและตัวจริงของคน
รวมไปถึงระบบของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล
ทริปสหรัฐฯ รอบนี้จะอยู่ในความทรงจำผมไปอีกนาน
(เขียนระหว่างกักตัวเองเป็นวันที่สองและยังไม่ได้ป่วยอะไร)
ภาพ : ท่าอากาศยานนานาชาติดัลเลส กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
Sujane Kanparit
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10218185077992366&set=a.1371787008672&type=3&theater