‘สมคิด’ ตีปลาหน้าไซไว้ก่อนเลยว่าวิกฤตโคโรน่าไวรัสคราวนี้หนักกว่า
‘ต้มยำกุ้ง’ เพราะกระทบหมดทั้งคนจนคนรวย
อ้างตอนนั้นแค่คนรวยเจ็บแต่คนจนรอด ถึงอย่างไรก็แบะท่าจะกู้ไอเอ็มเอฟอีก
บอกเขาเสนอตัว “ยินดีช่วยเหลือ”
รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พูดถึงจีดีพีไทยเวลานี้ติดลบแค่
๕.๓% น้อยกว่าตอนต้มยำกุ้งที่ลบถึงสิบ
แต่ครั้งนี้อาการเจ็บหนักกว่า เลยทำให้หลายต่อหลายคนขนลุกซู่ซ่า ว่าจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกไหม
จุดซ้ำรอยก็ตรงกู้ไอเอ็มเอฟนี่ละ
คงจำกันได้ว่าหลังต้มยำกุ้งในรัฐบาล ชวลิต
ยงใจยุทธ์ ก็มีการกู้ไอเอ็มเอฟก้อนใหญ่ ตามด้วย ‘การปฏิรูปการเงิน’
ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่เทขายสินทรัพย์ ๕๖ ไฟแน้นซ์ซึ่งถูกปิดกิจการ
จนประเทศขาดทุนหลายหมื่นล้าน หลายคนโดนคดี (แต่หลายคนก็รอดมาชนิดล้มบนฟูก)
คราวนี้ปัญหาของรัฐบาลที่จะต้องกู้ไอเอ็มเอฟอีกแม้ไม่ใช่เพราะการบริหารคลังผิดพลาดมหันต์
(ที่ตอนนั้นเอาทุนสำรองออกมาทุ่มสู้พยุงค่าเงินบาทเสียจนเกลี้ยง) แต่ก็น่าจะเกี่ยวกับเรื่อง
‘บ่อจี๊’ กระเป๋าแห้ง
ส่วนหนึ่งเพราะรัฐบาล คสช.ใช้เงินมือเติบ แต่ไม่มีปัญญาหาใหม่เข้าไปอุด
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพิ่งแย้มไม่กี่วันมานี้ว่า เงินที่จะเอามาใช้สู้กับวิกฤตโควิด-๑๙ ได้ (งบกลาง)
ไม่ค่อยมีเหลือสักเท่าไร ตามตัวเลขที่ ‘แมวเกเร
@Unrulycat2511’ ทวี้ตไว้ “กรมบัญชีกลางแจง ‘งบกลาง’ ตาม พ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๓
วงเงินรวม ๔๑๘,๗๗๑ ล้านบาท ใช้ไปแล้ว ๒๒๑,๓๒๗ ล้านบาท
คงเหลืออีกแค่ ๑๙๗,๔๔๓.๙ ล้านบาท” ไม่ถึงครึ่ง
ทั้งที่งบประมาณเพิ่งผ่านมาได้สองเดือนกว่าๆ คำถามจึงผุดขึ้นมา “อ้าว..เฮ้ยยย!!
ใช้กันไปตอนไหนวะเนี่ย”
สองพรรคฝ่ายค้านยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาหนทางแก้วิกฤตไวรัสระบาดหนักทั่วโลกครั้งนี้
เพื่อไทย ชี้แนวทางสี่ข้อที่รวมถึง การปูพรมตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสเพื่อนำตัวมารักษา
และนำงบกลาง ๕ แสนล้านออกมาปรับใช้
ส่วนหนึ่งในการปรับใช้งบฯ ที่เพื่อไทยเสนอ
เป็นการขอให้ยกเลิกโครงการจัดซื้ออาวุธที่ยังคาอยู่ งดการสัมนาดูงานต่างๆ
(อย่างเช่นที่ สว.ตู่ตั้งเตรียมไว้แล้ว เผลอเมื่อไรออกเดินทางทันที) และงดเช่า
ซื้อรถตำแหน่ง
ซึ่งการงบประมาณดังกล่าวคล้ายกับข้อเสนอพรรคก้าวไกล
ที่ให้นำเงินจากงบประมาณกลาโหม สัก ๖๓,๕๐๐ ล้านบาทมาใช้แทนงบกลาง “เชื่อว่า
งบประมาณที่สามารถโอนออกมาได้เลย ได้แก่ งบฝึกอบรมและสัมมนาต่างๆ
งบเดินทางไปราชการต่างประเทศ งบในการจัดงาน งบประชาสัมพันธ์”
นี่ก็ดูเหมือนรัฐบาลจะมีแผนการณ์เร่งด่วนอีกอย่าง
ในการ ‘อุ้ม’
การบินไทย ซึ่งถึงเวลาเผาจริงนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมถอดสาย respirator กันมาหลายช่วงหลายตอน ล่าสุดพยายามตื๊ออยู่ด้วย ‘แผนฟื้นฟู’
ที่ทำยังไม่เสร็จ ด้วยความเป็นห่วงพนักงานพันกว่าคนจะลำบาก
รัฐมนตรีคลัง อุตตม สาวนายน
บอกว่ากำลังหารือกับกระทรวงคมนาคม “หาช่องทางสนับสนุนทางการเงินต่างๆ”
และ “ยังไม่มีการปรับลดพนักงานแต่อย่างใด” ซึ่ง รมว.คมนาคม ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่แม้จะ ‘ไม้เบื่อ’
กับผู้บริหารการบินไทย ก็ยังว่า ‘เอาด้วย’
รวมความว่าถ้าหากทางบอร์ดการบินไทยสามารถจัดทำ
‘แผนฟื้นฟู’ ไม่งี่เง่าได้ ก็จะไฟเขียวให้กู้ก้อนใหญ่ โดยมีรัฐบาลค้ำประกัน แน่ละภาระดอกเบี้ย
และ/หรือเงินต้นด้วย มอบให้รัฐบาลต่อๆ ไป เช่นเดียวกับพันธะต่อไอเอ็มเอฟ ถ้าจะมี
หลายคนเช่นกันจินตนาการเห็นใบหน้า
‘ทักกี้’ ลอยมาจากแดนไกล ยิ่งในช่วงสามสี่วันมานี่เห็นโพสต์ “ทักษิณได้กลับบ้านแล้ว”
หลังจากที่ศาลยกฟ้องคดีเก่าที่เป็นชนักปักอดีตนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
เขาคงนึกถึงตอนที่รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด
นี่ก็มีเสียงเรียกร้องหนาหูในขณะนี้ให้บรรดาเจ้าสัวทั้งหลายช่วยกันทุ่มเงินเข้าโครงการต้านโควิด-๑๙
มากๆ หน่อย คงเห็นใจ (หรือไม่ก็รำคาญ) รัฐบาลเที่ยวอ้อนวอนให้ประชาชนบริจาค แต่เจ้าสัวใหญ่ๆ
สามรายก็ได้บริจาคแล้ว รวมกันสักสิบกว่าล้านมั้ง
ยังมีแหล่งเงินในงบประมาณที่มีการพูดถึงทางหน้าอินเตอร์เน็ต
จากเพจที่มักโดนบล็อคในประเทศ ว่าภาวนาได้เห็นพระมหากรุณาธิคุณ
ยิ่งกว่าเครื่องช่วยหายในที่ได้พระราชทานแก่โรงพยาบาลบางแห่งไปบ้างแล้ว
เขาพูดถึงงบประมาณที่จัดถวายสถาบันกษัตริย์
ในส่วนที่วิ่งตรงเข้าวัง ๑๙,๖๘๕ ล้านบาท
กับที่กระจายอยู่ตามกระทรวงทบวงกรม และหน่วยงานที่อ้างชื่อ ในพระบรมโพธิสมภาร โปรดเกล้าฯ
โปรดกระหม่อม อีกมากมาย รวมกันทั้งสิ้น ๒๙,๗๒๘ ล้านบาท ไม่น่าจะใช้หมด
หรือพอเจียดออกมาได้บ้าง
หรืออย่างน้อยๆ
สิ่งของจำเป็นที่ประชาชนสามารถใช้ในการปกป้องและปัดเป่าการติดเชื้อได้
หากจะทรงพระราชทานชนิดมโหฬารเลยทีเดียวก็จะเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น
ดังที่มีข่าวว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงผลิตเจลแอลกอฮอล์ด้วยองค์เอง
ภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI
Bangkok พระราชทานให้แก่แพทย์พยาบาลทั่วประเทศ”
เป็นที่ปราบปลื้มของพสกนิกรยิ่งนักแล้ว
หากจะทรงขยายการผลิตชนิดแจกแก่ประชาชนทั่วประเทศละก็
เสียงแซ่ซร้องจะกระหึ่มไปทั่วทุกสารทิศ
ไหนๆ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ขณะนี้กว่า
๓๐ บิลเลี่ยนดอลลาร์ หากจะเจียดสัก ๑ บิลเลี่ยน (๓ หมื่นล้านบาท) ลงมา พระโลมาหน้าพระชงค์คงไม่ร่วง