วันจันทร์, มีนาคม 23, 2563

บทพิสูจน์ที่ชัดเจน ไม่ใช่จบ จปร.ทำได้ทุกอย่าง




🆘 เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ควรเป็นนโยบายจากส่วนกลาง พอส่วนกลางขาดเอกภาพ แต่ละคนพยายามจะเป็นพระเอก ทั้งที่คุณสมบัติแค่ลิ่วล้อ ประสิทธิภาพมันก็ไม่เกิด โยนให้แต่ละจังหวัดตัดสินใจ เขาก็ตัดสินใจเฉพาะมุมมองจังหวัดเขา ดีไม่ดีตัดสินใจเพื่อรักษาหัวโขนอีก และ ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบอื่นๆนอกจังหวัดของเขา ดูตัวอย่างเรื่องคนงานต่างด้าวหยุดงานแห่กลับบ้านก็พอ ไม่ต้องนับการแถลงการณ์สับสนทุกหน่วยงานมาตั้งเป็นเดือน
แล้วงัยดีล่ะ !!!!!
🆘 สมมุติว่าเวลาในการพิสูจน์คือประมาณ14-21 วันอย่างที่ออกคำสั่งมา shut down ให้เป็นสูญญากาศเลยดีไหม ไม่ต้องทำธุรกรรม ไม่ต้องออกนอกบ้าน อนุญาตออกมาซื้ออาหาร/สินค้าได้อย่างมีเงื่อนไขอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันการแพร่หรือรับเชื้อ เจ้าหนี้ธุรกิจ ลูกหนี้ธุรกิจ หยุดให้หมด พ้นแล้วก็ค่อยมาค้าขายติดตามกันต่อ เหลือแค่ ธุรกิจอาหาร ยา / การรักษาและที่เกี่ยวข้องไว้ให้พอเพียง ประเทศเราเป็นศูนย์กลางอาหารอยู่แล้วกลัวอะไร วางแผนให้พร้อมก่อนสั่ง แล้วให้ที่เหลือหยุดหมด เจ็บตัวกัน 14 วัน ใครเป็นก็รักษา(มันคือไข้หวัดที่อัตราการตายต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่หลายเท่า เพียงแต่ตอนนี้เป็นโรคอุบัติใหม่ทำให้เราไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่ไข้หวัดใหญ่เรามีวัคซีนแล้ว โควิด จึงยังน่ากลัวกว่า และมีผลรุนแรงกับผู้สูงอายุ คนแข็งแรงอาการน้อยก้อพักรักษาอยู่บ้าน ป้องกันคนในบ้าน ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงก็ไปโรงพยาบาล แค่น่ากลัวตรงแพร่กระจาย ติดเชื้อกันง่าย คนป่วยจะล้นโรงพยาบาล จึงต้องให้ข้อมูลประชาชนให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ให้ประชาชนรับสื่ออ่านไลน์ไร้สาระ ที่ขยันแชร์ข้อมูลผิดๆ อีกอย่าง ไอซีทีไปไหน ทำไมไม่จัดการเรื่องข่าวเฟค) ผ่าน 14-21 วัน ถ้าทุกอย่างหยุดนิ่ง นั่นหมายถึง รู้คนเป็น คนเป็นไม่แพร่ต่อ คนไม่เป็นไม่ออกไปรับเชื้อ พอครบวันก็บล็อคบ้าน บล็อคคน บล็อคจุดที่ยังมีปัญหา ควบคุม100% แต่ดูแลการยังชีพเขา จะจบไหม!!!! ถ้าไม่จบก็ทำเฟสสองต่อ แต่เชื่อว่าจะโฟกัสเฉพาะพื้นที่ง่ายขึ้น อีกไม่นานยารักษาก็จะมี และต่อไปสักระยะก็เชื่อว่าวัคซีนจะถูกสร้างมาใช้ป้องกัน ที่ต้อง
บูรณาการมาตรการภาครัฐให้ครบมิติ เพื่อป้องกันการสูญเสียทั้งประชากรและธุรกิจในระยะยาว
ต่างคนต่างทำเมื่อไรจะจบ วันนี้คนถูกสั่งหยุดงาน ไม่มีรายได้ก้อกลับบ้านดิ (ไม่ได้หยุดทุกคนทุกธุรกิจซะด้วย ไม่แน่นะ
กทม.หรือบางจังหวัดอาจมีคำสั่งระลอกต่อไปอีกกับบางธุรกิจ เด่วก็เคลื่อนไหวกันอีก เมื่อไรจะนิ่ง)
แรงงานในระบบ ก็รับเงินชดเชยจากประกันสังคมร้อยละ50 (ใครหลีกเลี่ยงเคยจ่ายไม่เต็มทั้งนายจ้างลูกจ้างก็รู้กันวันนี้แหล่ะ) คนทำงานนอกระบบ ก็หาวิธีชดเชย แต่อย่างน้อยก็เรียนรู้ว่า ประกันตนเองนอกระบบเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ทำประกันสังคมตนเองไว้ หากมีวิกฤตก็ต้องยอมรับสภาพไม่มีรายได้ช่วงนั้น เชื่อว่าถ้านโยบายชัด เรียนรู้จากครั้งนี้ จะทำให้ฐานคนงานในสังคมทั้งในระบบและนอกระบบทั้งหมดเข้าสู่ระบบประกันสังคม วิกฤตไหนๆ ที่ต้อง shut down เพื่อรักษาชาติ จะไม่ต้องห่วงว่าคนไม่มีเงินเลี้ยงชีพชั่วคราว(ให้เลี้ยงชีพนะไม่ใช่ให้ซื้อฟุ่มเฟือย) ผู้สูงอายุ กับข้าราชการก็มีกระบวนการเดิมอยู่แล้ว ส่วนผู้ประกอบธุรกิจ การหยุดก็จะเป็นสูญญากาศ ที่ไม่มีรายได้เข้า ไม่มีรายจ่ายออกในการประกอบธุรกิจ จ่ายแต่เลี้ยงชีพตัวเองเหมือนกัน เปิดเมื่อไรก็มาเดินกันต่อ...จบนะ!!!
คิดเล่นๆเพราะไม่รู้จะคิดอะไร... ปิดก้อไม่ถูกสั่งปิด เปิดก้อไม่มีงานอะไร เอางัยดีกับ 21 วันที่จะมาถึง... รู้แต่ค่าจ้างเดือนละ 11 ล้านรออยู่...บ่นพอละนะ รีบคุยกับแบงค์ก่อน 🤣🤣
😞 ปล.รู้ไหมทำไมทำไม่ได้ เพราะทุกกระทรวงไม่เคยมาจุ่มหัวคุยกันว่า ถ้าจะมีนโยบายอะไรออกมาใครมีหน้าที่อะไรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะเกิด ตรึกตรองทุกมิติแล้วแยกย้ายไปทำซะ แต่นี่ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างคิดเอาแค่งานตัวเองรอด งานอื่นเกิดปัญหาตามมาก็ให้เจ้าของงานนั้นไปแก้กันต่อ เราถึงตาม คุณโกวิทย์-19 อยู่ 3-4 ก้าวเสมอ.... 🤬
📌 ชอบก็ไลท์ ไม่ชอบก็ผ่านไปไม่ต้องด่า...ก็แค่บ่นตามประสาที่เห็นการทำงานที่ขาดเอกภาพและประสิทธิภาพ ตอนนี้สมองรับเรื่องไว้เต็มละไม่รับคำด่า🤣🤣📌📌


Chaiwat Wongbencharat

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2954961844560333&set=a.174666639256548&type=3&theater