ภาพจาก CNN
วิกฤติไวรัส COVID19 เปิดเผยว่าจริง ๆ "รัฐ" และ "ราชการ" ของเราป่วยเรื้อรังแค่ไหน ...
รัฐบาลที่มาจากระบอบเผด็จการซ่อนรูป มาด้วยกติกาที่ออกแบบเพื่อตัวเอง แถมยังได้กำลังเสียง ส.ส. มาจากการจัดการเลือกตั้งที่น่ากังขา พวกเขาไม่เกรงใจประชาชนเลยแม้แต่น้อย...
หน้ากาก แอลกอฮอล์ อุปกรณ์การแพทย์ขาดแคลนแม้แต่กับแพทย์ ต้องขอบริจาคจากประชาชน ที่ก็หาซื้อไม่ได้พอ ๆ กัน
มีการจับกุมคนขายหน้ากากเกินราคารายย่อย เป็นแค่คนที่อาจจะค้ากำไรเกินควรระยะสั้น แต่ก็เป็นพวกเขาที่ทำให้คนบางส่วนพอจะหาหน้ากากหรือแอลกอฮอล์ได้ ... บางทีเรายอมซื้อตลาดมืดเพื่อเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่มันคือหน้าที่ของรัฐบาล
รัฐบาลที่ไม่ยอมแตะต้องรายใหญ่ที่ยักยอก ใหญ่จนสามารถตัดล็อตขโมยไปดื้อ ๆ จากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ จนต้องเลิกขายหน้ากากที่ร้านธงฟ้า ... นี่คือกลไกของราชการล้วน ๆ นะครับ
ไม่มีการดำเนินคดี ไม่มีการกล่าวถึง ทุกอย่างปล่อยเงียบ แบบไม่แคร์อะไร
มาตรการรองรับการแพร่ระบาดที่สับสน เริ่มต้นที่การประมาทว่าเป็น "ไข้หวัดธรรมดา" แล้วก็เปิด Welcome to Thailand ให้นักท่องเที่ยวจากจีนที่มีความเสี่ยงสูงมาเที่ยว จัดขบวนตุ้งแช่ไปต้อนรับกันที่สนามบิน เพื่อในที่สุด ผู้เสียชีวิตกลุ่มแรกของไทย คือ พนักงานที่ขายของในดิวตี้ฟรี และคนขับรถตู้ให้นักท่องเที่ยว
นี่ไงความเกี่ยวเนื่องที่ชัดเจน
พอจะมีการคัดกรองการเดินทางเข้าประเทศไทยจากประเทศเสี่ยง ก็ลูบหน้าปะจมูก ออกคำสั่งมาแล้ว ตีตราครุฑ ลงนามรัฐมนตรีเรียบร้อย แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ขยำทิ้ง ออกประกาศใหม่มาเพื่อลดจำนวนประเทศ
แม้ฝ่ายป้องกันจะพยายามเตือนพยายามห้ามการจัดกิจกรรมรวมตัวในที่ปิด แต่สนามมวยทหารก็ยังเปิดจัดชกตามปกติ และกลายเป็น Super Spreader ไปทั่วประเทศ
ส่วนผู้รับผิดชอบก็บอกว่า "อย่าถามเลย มันเรื่องในอดีต"
ได้เหรอวะ
ความไม่แยแสประชาชนนี่เขียนอีก 10 หน้า A4 ก็ไม่หมด สายการบินแห่งชาติกำลังจะล้มละลาย แต่ก็... อื้ม นะ ... แล้วรัฐก็เอาเงินมาอุ้มแบบไม่แคร์
ก็จะแคร์ทำไมล่ะ ...
ในขณะที่แพทย์และบุคลากรทางสาธารณะสุขก็ยังขาดแคลนหน้ากาก อุปกรณ์ และสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันโรคต่อไป แล้ววันดีคืนดีก็ถูกรัฐมนตรี (คนเดียวกับที่บอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา) ด่ากราด แม้จะมารู้ภายหลังว่า ด่าใครบางคนที่สมควรด่า แต่ก็ทำให้ขวัญและกำลังใจของบุคลากรเสียหายไปหมดแล้ว
ส่วนไอ้คนที่สมควรถูกด่า ก็ "ราชการ" สุด ๆ คือไม่ยอมลด ละ เลิก ธรรมเนียมราชการ ๆ ไปเลย ทำให้คนอื่นติดเชื้อกันฉิบหายหมด
พรก. ฉุกเฉินก็ประกาศใช้ แต่เอาทหารมาคุม ออกมาตรการมาก็ครึ่งกลาง ๆ ไม่ยอมแม้แต่จะปิดสถานที่ราชการที่ไม่เกี่ยวกับการบริการประชาชน ด้วยข้ออ้างว่า "เพื่อประชาชนจะได้ไม่ต้องทำผิดกฎหมาย เพราะไปติดต่อราชการไม่ได้"
ก็ได้ครับ ก็เลยมีการไปต่อ Work Permit กันเต็ม ตม. ศูนย์ราชการไง ทั้ง ๆ ที่อาศัยอำนาจประกาศพักการนับเวลาหมดอายุพวกใบอนุญาตต่าง ๆ ที่ไม่ได้จำเป็นเร่งด่วน ก็ไม่ทำ
ส่วนหน่วยราชการที่ให้หยุดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็อยู่บนความไม่ไว้วางใจต่อข้าราชการผู้ปฏิบัติงาน กำชับให้ต้องมีตัวชี้วัดช่วงทำงานที่บ้าน ซึ่งมันก็ไม่มีไงโว้ย ถ้าคนมีงานมันก็มีงาน คนไม่มีงานเขาก็ไม่มีงาน ก็จ่ายงานปกติไปสิ
การตั้งกฎเกณฑ์ตัวชี้วัดเต็มไปด้วยความคิดแบบจับผิด
นี่ต้องมีตัวชี้วัด มีงานพิเศษ ให้นับกระดาษเล่นบ้าง ละลายน้ำแข็งเป็นน้ำแล้วเอาไปแช่ตู้เย็นใหม่บ้าง
อย่าลืมนะครับ ตอนน้ำท่วมใหญ่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศหยุดราชการได้เลย ทำไมตอนนั้นยังทำได้ล่ะ ? สถานการณ์ตอนนี้แม้เดินทางได้ไม่เหมือนติดน้ำท่วม แต่มันควรเดินทางไหม ? หมอบอกให้เราอยู่บ้าน แล้วจะให้คนออกมาทำงานกันตามปกติ แค่ลดลงครึ่งนึงเนี่ย ?
อยู่ดี ๆ ไข่ก็ขาดตลาด ราคาแพงตั้งแต่ต้นทาง ได้ไงไม่รู้ พอคนโวยก็ไปจับผู้ค้ารายย่อย ที่ได้กำไรแผงละ 15 บาท จะเอาโทษจำคุกเขาเป็นปี ๆ เงินประกันตัวก็ไม่มี
แล้วกระทรวงพาณิชย์ปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ได้อย่างไรตั้งแต่ต้นทาง ?
คือตอนนี้ "รัฐ" และ "ราชการ" ถ้าไม่ทำร้ายประชาชน ก็ทำร้ายคนทำงานกันเอง หรือไม่ก็ทำร้ายแม่งทั้งคู่นั่นแหละ
ผู้มีอำนาจจากกลไกเผด็จการ ก็ยังกอบโกยประโยชน์แบบไม่หยี่หระ ไม่คิดปรับตัวหรือเกรงใจ ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือเพื่อลดแรงกดดันจากความไม่พอใจของประชาชน
...
เหลือแต่เรากันเองนี่ครับ ประชาชนอย่างเรานี่แหละ ที่คอยช่วยกันเอง บริจาคเงิน เสาะหาอุปกรณ์การแพทย์เพื่อบริจาคโรงพยาบาลกันเอง ยอมเลือดไหลจ้างลูกจ้างต่อกันเอง ยอมลดงานแล้วไม่รับเงินเดือนกันเอง หอพักบางแห่งก็ช่วยกันลดหรืองดค่าเช่าให้ผู้เช่า
ประชาชนเราช่วยตัวเอง ท่ามกลางการเสพสุขของพวกผู้มีอำนาจ
แทบไม่มีประโยชน์จะพูดจะบ่นเรื่องการเมืองแล้วนาทีนี้ ... นอกจากเอาตัวให้รอด ช่วยคนรอบข้าง และเกื้อกูลประชาชนด้วยกันเอง
ก็เราไม่เหลือใครแล้ว...
ไม่เหลือจริง ๆ ...
ช่วยตัวเอง ช่วยผู้อื่นตามกำลังกันครับทุกท่าน
Kla Samudavanija