ดังที่แอนดรูว์ โคโม ผู้ว่าฯ นิวยอร์ค
บอกน่ะนะ ไม่ใช่เวลาที่จะพะวงกับการเมืองในเวลานี้* (ไม่จำเป็นต้องจ้องหาเสียงไปทุกจังหวะก้าว
เหมือนรัฐบาลไทย –ผู้เขียน) ขนาดต้องหยุดรายงานข่าวไฟไหม้หนักที่เชียงใหม่ เพราะทำให้
“ผู้ใหญ่กังวล”
จากโพสต์บนเพจ ‘I Green’ เมื่อวาน “มีคำสั่งด่วน! จากส่วนราชการในเชียงใหม่
ห้ามเผยแพร่ภาพมุมสูงไฟป่าในทุกพื้นที่และทุกกรณี ทีมโดรนอาสาฯ แจ้งรองผู้ว่าฯ
ขอถอนตัวจากภารกิจ...เพื่อให้ราชการสบายใจ”
หลังจาก ‘ผู้ใหญ่’ บอกว่าเห็นภาพมุมสูงจากโดรนแล้ว “กังวลกับความรุนแรงของภาพ” จากนั้น “ได้มีการตั้งด่านสกัดไม่ให้ทีมโดรนอาสาเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ”
นัยว่า “สื่อมวลชนแขนงอื่นๆ นำไปเสนอต่อนั้น
อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่”
บทความวิเคราะห์ความน่าจะเป็น ที่ทีมโดรนและหน่วยงานเกี่ยวข้องในกลุ่ม
‘บินดับไฟดอยสุเทพ’ โดนห้าม
เพราะ “ภาพไฟเหล่านั้นมันฟ้องว่า นั่นคือความล้มเหลวในการแก้ปัญหา” และ “เป็นแนวทางการซุกขยะไว้ใต้พรม
หรือปกป้องหน้าตาของผู้ใหญ่บางคนที่ไร้ประสิทธิภาพ”
อีกข้อ “(บางคนอ้าง) อาจมีผู้ไม่หวังดีนำภาพไปเรี่ยไรขอรับบริจาคหรือหาประโยชน์อื่น”
นั่นอาจเนื่องจาก วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง เปิดรับบริจาคเงินช่วยดับไฟป่าที่เชียงใหม่
แล้วถูกตำรวจนายหนึ่งโทรศัพท์ไปสั่งห้าม
“โดยบอกว่าเป็นคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่...ตั้งข้อสงสัยว่าผมได้เอาชื่ออุทยานมาอ้างเพื่อเรี่ยไรเงินบริจาคอย่างไม่โปร่งใสหรือไม่...แจ้งว่าการเรี่ยไรเงินบริจาคและการกระจายเงินกันเองโดยภาคประชาชน
เป็นเรื่องไม่สมควรทำ”
‘สิงห์’ ลูกชายเสกสรรค์
เขียนเล่าเหตุการณ์เพื่อแจงว่า “ได้รับการติดต่อจากผู้ว่าเชียงใหม่แล้วว่าไม่ได้สั่งการมา
เลยกำลังสอบสวนอยู่ว่าเรื่องมันเป็นยังไง ตำรวจท่านนั้นทำงานตามคำสั่งใคร” ลงท้าย ทราบแล้วตำรวจที่โทรมาหาเขาเป็นใคร
นั่นก็แบบเดียวกับที่มีการสั่งภายใน ห้ามโรงพยาบาลและบุคคลากรการแพทย์โพสต์ขอรับบริจาคอุปกรณ์ป้องกันและต่อสู้เชื้อไวรัส
เช่นที่ผู้ใช้นาม Jerng Wichak Kanchanauthai เขียนบ่น
“น้องๆ แผนกอายุรกรรมหลายคนโทรมาปรึกษา โทรมาระบาย
ถึงความไม่พร้อมในการดูแลผู้ป่วย
เราขาดอาวุธครับ ทุกๆ คนรับรู้บ้างมั้ย...ผู้บริหารบางคนไม่เคยช่วยอะไรเลย
นอกจากมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำไปวันวัน...ผมเห็นใจท่าน ผอ.มากนะครับ
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขอบริจาคก็โดนกดดันอย่างหนักให้ปิดบัญชี ปิดการรับของ”
อีกราย ‘1412 Cardiology’ ว่า “เค้าไม่กล้าโพสต์กันเพราะกลัวผู้ใหญ่จะว่า กลัวจะโดนเรียกไปคุย
โทรมาหา และสั่งให้ลบ...ความจริงคือโรงพยาบาลรัฐ รวมถึงโรงเรียนแพทย์หลายแห่ง
ตอนนี้ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐแต่อย่างใดเลย”
จึงต้องให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงแก้ไข
“ก็เห็นด้วยที่ต้องสนับสนุนให้เพียงพอ ขาดเหลืออะไร หากเขาหาของในท้องตลาดไม่ได้
เราก็ต้องสนับสนุนให้เต็มที่ ก็สามารถบริจาค ผ่านศูนย์โควิด หรือ
ผอ.โรงพยาบาลต่างๆ”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_2105053 และ https://www.facebook.com/igreenstory/posts/2509924182656813)
นี่แหละวิธีการบริหารแบบจักรพรรดิ
เอาตัวเองเป็นที่ตั้งไว้ก่อน นึกอะไรก็โพล่งออกไป
พอดูคลิปไฟไหม้หวาดเสียวก็สั่งห้ามฉาย หรือพอเห็นผู้ว่าฯ
คนหนึ่งทำได้ดีก็นึกว่าจะมาแข่งบารมี ผู้นำปากเสีย ปากพล่อย ส่ายปากหาส้น
ให้มันเสียกระบวนนั่นละ
*(หมายเหตุ –แอนดรูว์ตอบข้อซักถามที่ว่าประธานาธิบดีพูดถึงตน-จะเป็นคู่ชิงดีกว่าโจ
ไบเด็น-ก็ขอบใจ และเรื่องโรงเก็บอุปกรณ์การแพทย์ในนิวเจอร์ซี่ย์ที่ทรั้มพ์แซะ
ก็เพื่อมาตรการต่อสู้เมื่อถึงขีดสุดต้องพร้อมนำออกมาใช้ได้ทันที ถ้าอยากจะกล่าวโทษก็ว่ามา
ขณะที่ในการแถลงความคืบหน้ากรณีการระบาดของไวรัส
ทรั้มพ์ได้เชิญซีอีโอของบริษัท ‘มายพิลโล่’
ผู้ผลิตหน้ากากอนามัย ‘ขาย’ ให้ไปโฆษณาฟรีสรรพคุณการผลิตของตน จากที่เคยได้แสนชิ้นต่อวัน เดี๋ยวนี้ ๒
แสน ต่อไปจะได้ ๕ แสน
นอกจากนั้นยังกล่าวชื่นชมทรั้มพ์ว่าเป็นผู้นำเยี่ยมยอดในการต่อสู้
‘โคโรน่า’ ข่าวโพลิติโกระบุว่าเขาบอกกับพนักงาน
ประธานาธิบดีหนุนให้เขาลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐมินเนโซตา “เพื่อให้มินเนโซต้าเป็น
‘แดง’ –รีพับลิกัน- ต่อไปหลังการเลือกตั้ง
๒๐๒๐)