‘ชัตดาวน์’
ไม่เอา แต่ควรต้อง ได้แล้ว มาเลเซียสั่งปิดเมืองแล้ว
ส่วนเกาหลีใต้ทำมาก่อนใคร และเป็นประเทศที่รับมือโคโรน่าไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ยุโรปหลายประเทศใช้มาตรการนี้ ทั้งอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส
ในอเมริกามีการออกคำสั่งจำกัดการเดินทาง
การชุมนุม และกำกับการเปิดบริการของสถานบันเทิง ร้านอาหาร บาร์
แล้วเช่นกันในบางรัฐ บางท้องที่ (Bays area, NorCal) หลังจากละลักละลั่นกันอยู่พักใหญ่
เมื่อทั้งประธานาธิบดีและพวกคอแดงอ้างว่านี่เป็นไข้หวัดใหญ่ หรือ ‘ฟลู’ ธรรมดา
แต่ในเมืองไทย ตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดที่ปลัดสาธารณสุขแถลง
ถึงวันนี้เหยียบ ๒๐๐ ราย (๑๗๗ รายยืนยันว่าเป็นแล้ว อีก ๒๒ รายอยู่ระหว่างเฝ้าดูอาการ)
ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
จึงมีการเรียกร้องให้ ‘ลั่นดาน’ กรุงเทพฯ เสียที
จะได้ควบคุมการเคลื่อนไหวสัญจร การจัดสังสรร หรือแม้แต่การเต้นแอโรบิค แบบที่นายกฯ
ไปร่วมเมื่อวันก่อน
เพราะกิจกรรมเหล่านั้นทำให้เกิดการส่งต่อเชื้อไวรัสจากคนสู่คนได้สะดวก
ยังมีการติดต่อแบบ ‘community’
ซึ่งผู้ติดเชื้อไม่เคยเดินทางไปยังสถานที่ศูนย์กลางการแพร่เชื้อ
เช่นหวูฮั่น จีน หรือลอมบาดี อิตาลี หากแต่รับเชื้อจากภายในชุมชนของตน
เช่นอาจเคยมีเชื้อสิงสถิตย์อยู่บนโต๊ะเก้าอี้ ที่เปิดประตู และราวเกาะบนรถประจำทาง
สภาพในกรุงเทพฯ ที่รับนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นจำนวนมาก
เป็นไปได้สูงที่จะเกิดระบาดอย่างรวดเร็วชนิดเอาไม่อยู่วันใดวันหนึ่งอีกไม่นาน
เพราะประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของรัฐบาลเลย
จากอาการเป๋ไป๋ตลอดเดือนที่ผ่านมา
รมว.มหาดไทยตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวในเรื่องนี้ได้ถูกต้อง
ว่าการ ‘ปิดเมือง’ หมายถึงการจำกัดและควบคุมการทำกิจกรรมของชุมชน
ใช้ “มาตรการคัดกรองคนเข้าเมืองและไม่ให้คนรวมกลุ่มกันจัดกิจกรรม”
‘lockdown’ ไม่ใช่
‘shutdown’
พล.อ.อนุพงษ์
เผ่าจินดา ยังบอกด้วยว่าอำนาจในการสั่งปิดเมืองเป็นของจังหวัด
กรรมการควบคุมโรคเห็นว่าพื้นที่ในเขตรับผิดชอบจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้
ก็สามารถให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศ ‘ล็อคดาวน์’ บางกรณี หรือทั้งจังหวัดได้
ดังที่จังหวัดบุรีรัมย์และอุทัยธานี
ได้ชิงประกาศปิดเมืองกันก่อนที่กรุงเทพฯ จะคิดขยับ ที่จริงเมื่อวันก่อน (๑๕ มีนา)
ได้มีการเสนออย่างเป็นทางการไว้แล้วโดยผู้ประกอบการสายการบินเอกชนรายหนึ่ง
ว่าควรปิดประเทศสัก ๑ เดือน
ผู้ประกอบการรายนี้กล่าวว่า “ตอนนี้บางเที่ยวบินก็มีคนบินน้อยมาก
พูดง่ายๆว่าลูกเรือกับผู้โดยสารจำนวนใกล้เคียงกัน
แต่บางสายการบินก็ยังจำเป็นต้องทำการบินทั้งที่ขาดทุน” หากมีการสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศสัก
๑ เดือน จะช่วยยับยั้งการแพร่เชื้อได้ดีขึ้น
ที่บุรีรัมย์ เนวิน ชิดชอบ
ออกมาพูดแทนผู้ว่าฯ “เจ็บแต่จบ บ้าน GU ต้องปลอดภัย
ใครไม่ทำ GU ทำ บุรีรัมย์ สู้”
จนทำให้ดูกันว่าจังหวัดที่พรรคภูมิใจไทยคุมนี้ ‘สั่งผู้ว่าฯ’ ได้ ที่อุทัยธานีก็เช่นกัน ตระกูลไชยเศรษฐ์
พรรคภูมิใจไทยเป็นตัวตั้งตัวตี
แจ้งว่า “ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาจังหวัดอุทัยธานี
โดยมีด่านสกัดตรวจวัดทุกทาง...ในส่วนเรื่องการจัดงานเลี้ยง
ช่วงระยะนี้ขอให้งดไว้ก่อน เนื่องจากเหตุการณ์โควิค-19” ชาดา ไทยเศรษฐ์ โพสต์เฟชบุ๊คขึงขัง
เขายังแสดงท่าเด็ดเดี่ยวไม่เข้าใครออกใครคล้ายเนวินให้เห็นเสียด้วย
“เราต้องช่วยตัวเองก่อนครับ วันนี้เราหวังจากระบบไม่ได้
ด้วยรักและห่วงใยชาวอุทัยธานีทุกท่าน” เลยทำให้เกิดข้อวิเคราะห์ออกมาว่า เป็นสัญญาณที่
“รัฐบาลกลางล้าหลังสถานการณ์”
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
วิจารณ์เสริมว่าการที่รัฐบาล “มีแต่ตั้งรับและตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ” ทำให้บัดนี้ความกังวลของผู้คนเชื่อว่า
“การระบาดเข้าสู่ระยะที่สามแล้วแต่ฝ่ายรัฐปิดข่าว” และที่กลัวยิ่งกว่าก็คือ
เมื่อถึงจุด ‘เอาไม่อยู่’ ต้องใช้มาตรการรุนแรงแล้ว
ปชช.ไม่ทันตั้งตัว
ข้อนี้ ทั่นรองฯ #พระบิดาแห่งการยกเว้น วิษณุ เครืองาม
พยายามให้ความกระจ่างอย่าง ‘failed’ ไม่เป็นท่า
เมื่ออ้างเหตุ “จะใช้เมื่อมีประชาชนชาวไทยรับเชื้อและติดต่อกันเอง
และไม่ปรากฎว่ามาจากที่ไหนชัดเจน” แต่การติดเชื้อของแม้ทธิว ดารากับเซียนมวยรายหนึ่ง
และเจ้ากรม ทบ.นายสนามลุมพิณี เข้าข่ายพอดีเป๊ะ
แต่ประยุทธ์
จันทร์โอชาก็อุตส่าห์พยายามกู้สถานการณ์ ‘ศรัทธาหด’
ด้วยการแต่งชุดข้าราชการพลเรือน
ยืนเกาะโพเดี้ยมแถลงเรียกร้องให้ประชาชนอดทน “เพื่อจะร่วมกันฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน”
ลงท้ายว่า “ประเทศไทยต้องชนะ”
เขาปิดท้ายปาฐกถาด้วยการกางแขนทั้งสองข้างชูกำปั้นอย่างเก้งก้าง
แล้วยังใบหน้าซูบเซียว สีหน้าหม่นหมอง ดูเหมือนคนไข้มะเร็งขั้นสุดท้าย
แฟนคลับพากันห่วงใยว่า เอ รัฐบาลยังไม่ยอมประกาศ โควิด ๑๙ ขั้นสาม แต่นายกฯ
ไปล่วงหน้าถึงก่อนแล้ว