ทั้งฝ่ายค้านและพวก ‘ไม่เชิง’ แฟนคลับประยุทธ์ พยายามเหนี่ยวรั้งอย่าเพิ่งด่วน
‘กู้เงิน’ สองแสนล้าน
ล้วนแนะให้ผันงบประมาณส่วนยังไม่จำเป็นต่างๆ มาใช้ก่อน น่าจะได้แล้วสองสามแสนล้าน
แต่ดูท่ารัฐบาลไม่ฟังอย่างเคย
ในการประชุม ครม.เมื่อ ๒๔ มีนา
มีมติออกมาให้ปรับปรุงรายละเอียดในการใช้จ่ายงบประมาณบางกระทรวงเพื่อการต่อสู้กับโคโรน่าไวรัส
กระทรวงที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการนี้บางแห่ง เช่น มหาดไทย คลัง และคมนาคม
ได้รับการปรับเพิ่มรวมกัน ๕ พันกว่าล้าน
กระทรวงสำคัญที่เป็นด่านหน้าอย่าง
สาธารณสุข พัฒนาสังคมฯ เกษตรฯ และแรงงาน ไม่มีการปรับเพิ่มแต่อย่างใด
เป็นสัญญานว่าการสร้างหนี้ใหม่มาแน่ ส่วนจะเป็นกู้จากไอเอ็มเอฟ ที่ประชาชนหวาดผวาเพราะตราบาปครั้งก่อนยังมีแผลเป็นตำตา
หรือไม่เดี๋ยวรู้
งบประมาณปี ๖๔ แม้จะวางงบกลางไว้สูงถึง ๕
แสน ๗ หมื่น ๔ พันล้าน ก็ทำอะไรไม่ได้เท่าไรนัก ในเมื่อรัฐบาลประยุทธ์จัดเตรียมนำออกมาใช้เป็นส่วนใหญ่แล้ว
ส่วนงบกลางปีนี้ที่คนถามหา ก็แจกแถมโดยไม่ก่อผลกระตุ้นภายในระบบเศรษฐกิจ
ไปแล้วเยอะ
ศิริกัญญา ตันสกุล
ส.ส.พรรคก้าวไกลเข้าไปสอดส่องดูงบกลางปี ๒๕๖๓ จำนวนร่วม ๕๒๐,๐๐๐ ล้านนั้นพบว่า
ส่วนใหญ่จัดสรรไว้เกือบหมดแล้วสำหรับสวัสดิการ เบี้ยหวัดและบำนาญของข้าราชการ
เหลือวงเงินเพื่อการฉุกเฉินเพียง ๙๖,๐๐๐ ล้านบาท
แต่อนิจจังของสังคมไทย
เงินส่วนนั้นก็ถูกใช้ไปแล้ว ๙๔,๐๐๐ ล้านเช่นกันภายในระยะ ๖ เดือนที่ผ่านมา
แน่ละรวมถึงจำนวน ๔๕,๐๐๐ ล้านสำหรับโครงการ #เราไม่ทิ้งกัน
ที่ไม่พอแน่ๆ เพราะมีผู้ลงทะเบียนมากกว่ากำหนดเดิมหลายเท่า จาก ๓ ล้านเป็น ๑๐
ล้านคน
ศิริกัญญาชี้ว่ายังมี “เงินสำรองอีกก๊อกที่กำหนดไว้ตาม
พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ” ราว ๕ หมื่นล้านบาท ที่จะเอามาใช้เป็นก๊อก ๒ ไว้สู้ ‘โควิด-๑๙’ ได้ ซึ่งก็ยังจิ๊บจ้อยสำหรับวิกฤตยักษ์ครั้งนี้
ที่นักวิชาการบางคน เช่น อนุสรณ์ ธรรมใจ บอกว่าสองแสนล้านไม่มีทางพอ
ต้องมากกว่านั้น
ส.ส.หญิงฝ่ายค้านผู้นี้แนะให้ “โยกงบประมาณจากหน่วยงานที่ไม่ได้มีภารกิจแก้ปัญหาโควิด-๑๙
โดยตรง มาไว้ที่งบกลางหรือกระทรวงสาธารณสุข ตามความจำเป็นและความสะดวกในการใช้”
ในขณะที่งบกลางขณะนี้เหลืออยู่เพียง ๓๓๐,๐๐๐ ล้าน
และยังมีภาระอื่นๆ เช่น ภัยแล้ง
ฝุ่นพิษพีเอ็ม ๒.๕ และไฟป่าในภาคเหนือ (ที่กำลังไหม้ใกล้ถึงดอยสุเทพเวลานี้)* ทำให้เหลือเงินงบกลางที่จะโยกไปให้การต่อสู้โควิดแค่ ๘ หมื่นล้าน
หรืออย่างเก่งถึงแสนเดียว เธอแนะว่าโอนส่วนนี้มาใช้เฉพาะหน้าเสียก่อน
*เรื่องไฟป่าเชียงใหม่ที่ไหม้มาหลายวันแล้วนี่
“คืนนี้ (๒๙ มี.ค.๖๓) ไฟยังคงไหม้และลุกลาม ขยายพื้นที่เป็นวงกว้าง” Kowit_Boondham @kowit_ThaiPBS รายงานว่าใกล้วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ
เข้าไปแล้ว มิหนำซ้ำทำให้ค่า ‘พีเอ็ม๒.๕’ ถีบขึ้นไปทะลุพัน
เช่นเดียวกัน
เลขาธิการพรรคเพื่อไทยออกความเห็นว่ารัฐบาล “ควรใช้เงินในกระเป๋าตัวเองก่อนดีกว่าหรือไม่”
ด้วยการนำงบกลางที่ยังเหลืออยู่บวกกับชะลอการใช้จ่ายงบประมาณปี ๖๓ ที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วน
เอามาสมทบสู้โควิด น่าจะได้เกือบสองแสนล้าน
ด้านคนในรัฐบาลที่เหยียบแคม ‘ไซ้ด์ไลน์’ ไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด อย่างเทพไท
เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับ “ข้อเสนอให้กันงบประมาณแผ่นดินมาสู้กับไวรัสโควิด-๑๙”
โดยเฉพาะ “ที่ต้องการให้นำงบลงทุนของกระทรวงกลาโหมมาใช้เยียวยาทางด้านเศรษฐกิจ
และแก้ปัญหาเชื้อไวรัส”
ส่วนนักวิชาการ อย่าง รศ.ยุทธพร อิสรชัย
สาขารัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช เห็นว่าการที่รัฐจะกู้ถึง ๒ แสนล้าน “เยอะพอสมควร
เพราะอันที่จริงยังมีกลไกอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน
ซึ่งเราก็ยังไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่”
เขามีความห่วงใยตรงที่กู้มาแล้ว จะต้องไม่กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจในแบบเดิม
“ที่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและระบบราชการ” และ “การตอบสนองต่อประชาชนก็จะได้รับความสำคัญน้อยกว่า”
อันจะทำให้ยังมีอาการรวยกระจุกจนกระจายอยู่ ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก
(https://www.matichon.co.th/politics/news_2100372, https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/86609-repoer02-2.html, https://www.thairath.co.th/news/politic/1807458, https://www.facebook.com/SirikanyaOfficial/posts/543240712990496?
และhttps://www.sanook.com/news/8063154/?fbclid)
นั่นถ้าจะเรียกว่าเป็นความไร้เดียงสาทางการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลประยุทธ์ติดต่อกันมา
๕-๖ ปี ก็ไม่ผิดหรอก แต่จะทำตัวเป็นเฒ่าทารกต่อไปในสถานการณ์โควิดอีกอย่างน้อยๆ
ปีกว่า ‘แก้ผ้าเอาหน้ารอด’ ใช้หมดก็กู้ใหม่ ทั้งที่ผ่านมาไม่ได้ผล มันไม่เคยตัวไปหน่อยเหรอ