“ไม่พูดดีกว่า” เรื่องเหตุจูงใจจากกรณีเขย่าขวัญที่โคราช
อันเป็นข่าวเด่นในยูเอสเอเมื่อเช้าวันเสาร์ (เท่ากับราวๆ ใกล้เที่ยงคืนเมืองไทย)
ว่าคนตาย ๒๐ บาดเจ็บ ๓๐ เพราะทหารคนหนึ่งออกอาการระห่ำกราดยิงผู้คนในมอลด้วยอาวุธสงคราม
เรื่องอย่างนี้ในอเมริกาเกิดบ่อย
เขาอ้างว่าเพราะอาวุธปืนชนิดสมรรถนะร้ายแรงแอบซื้อหากันได้ง่ายเกินไป นั่นถือเป็นเหตุใหญ่มากกว่าการมีคนบ้าคลั่งออกอาการในทางสาธารณะมากขึ้น
แต่สำหรับเหตุในไทยรายนี้ทำท่าจะแรงกว่าไวรัสโคโรน่า
เนื่องเพราะคนร้ายเป็นทหาร
พลแม่นปืนระดับจ่า หอบอาวุธหนักชนิดไรเฟิลเอชเค ๓๓ สามกระบอก ปืนกลเอ็ม ๖๐
สองกระบอก พร้อมกระสุนเกือบพันนัด ขับรถศึกฮัมวีออกจากค่ายสุธรรมพิทักษ์
หลังจากฆ่านายทหารหนึ่งคนกับทหารยามอีกหนึ่ง ไปก่อเหตุสยองใน ‘เทอร์มินัล ๒๑’ หลายชั่วโมง
แต่ที่จักต้องพูดตรงนี้เรื่องที่ “ผู้นำอ่อนๆ
ไม่สมราคา” ไม่เพียงเพราะแฮ้สแท็กกำลังฮ้อต #ผนงรจตกม จากขบวนพาเหรดเสียดสีการเมืองในงานแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ครั้งที่
๗๔ ในกรุงเทพฯ วันเดียวกัน
ดังพลเมืองไซเบอร์รายหนึ่งแนะ “ตั้งคำถามกับโครงสร้างความปลอดภัย
การรับมือกับ หรือการป้องกัน” ไม่นับเรื่องที่ว่าป่านนี้ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้
จะเป็นด้วยเรื่องนี้ละเอียดอ่อน ชนิดข่าวช่องไทยรัฐทีวีต้องเซ็นเซอร์คำ “เหตุทหารคลั่ง”
เหลือแค่ “เหตุคลั่ง”
แม้กระทั่งรัฐมนตรีสาธารณสุขที่หมู่นี้ชักจะปากร้ายปากไวเหมือนหัวหน้าใหญ่
ด่ากราดฝรั่งนักท่องเที่ยวที่ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย แล้วค่อยมาขอโทษภายหลัง
ยังบ่นเป็นลายลักษณ์อักษรบนเฟชบุ๊คว่า “แค่โคโรน่าก็เหนื่อยมากแระ
มาเจอเทอร์มินัลอีก”
สู้ ผบ.สองคนไม่ได้ คนหนึ่งฝ่ายตะหานอีกคนตำหวด
พร้อมหน้ากันลงพื้นที่ขณะที่เสียงปืนและเปลวไฟยังไม่เหือดหาย คนหนึ่งแต่งกายเต็มยศ
(ทบ.) เหรียญตราเต็มหน้าอก อีกคนชุดออกสงคราม (ตร.) เสื้อเกราะกันกระสุนกระชับอก
ชนิดประชากรออนไลน์อีกคนอุทาน “ถึงที่เกิดเหตุแล้ว...ผบ.ตร.:
พวกเราฝากชีวิตประชาชนไว้กับคุณด้วยค่ะ #savekorat”
ส่วนคนใหญ่มิได้ชักช้าอีกหลายชั่วโมงต่อมาก็ขึ้นฮอไปร่วมบัญชาการ
เสียแต่ว่าไม่ทันได้เจอ ผบ.ทบ. เพราะทั่นรีบกลับเสียก่อน ไม่เหมือนตอนที่ไล่ยิงคนเสื้อแดงก่อนโน้น
คงจะย้อนไปรักษาพระนคร ในเมื่อเดี๋ยวนี้ชักจะไม่
‘ยั่งยืน’ แบบที่แปรอักษรของจุฬาเขาแซะว่า
“ถ้าไม่แก้ไข จบเห่ไทยแลนด์” เหตุว่า “แม้สค์ขาดตลาด อากาศขาดอ็อกซิเจ็น
รัฐบาลขาดความรู้ ลุงตู่ขาด...” ดังอักษรบนอัศจรรย์ด้านธรรมศาสตร์ช่วยต่อยอด
จากการที่ปรากฏว่าหลายคนบอก “แปรอักษรของจุฬาฯ
ปีนี้ ‘ปังมาก’” เนื่องจาก
“มันสะท้อนว่าคนรุ่นใหม่ นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่ไม่ยอมรับ
แต่แอนตี้อย่างรุนแรงกับผู้นำล้าหลัง ระบอบล้าหลัง” (คอมเม้นต์ของ Atukkit Sawangsuk)
ไม่แค่เท่านั้นเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิดกันว่าจะเกิดขึ้นอีก
ทั้งๆ ที่ประเทศตกอยู่ภายใต้กฏเหล็กและในอุ้งมือทหารมากว่า ๕ ปี นับแต่ที่มีคนร้ายใช้อาวุธสงครามเยี่ยงทหารปล้นร้านทองที่ลพบุรี
ยิงกราดไม่ยั้งจนคนบริสุทธิ์และเด็กเสียชีวิต
พลันก็มี ‘เฟคนิวส์’
จากแหล่งผลิตเดียวกันที่ใช้ชื่อ ‘เดรัจฉาจแฉ V2’ ซึ่งพยายามให้ร้ายพรรคการเมืองฝ่ายค้านรายหนึ่งมาแล้วว่า
“โจรคลั่งอนาคตใหม่” คราวนี้เรียกมือสังหารเทอร์มินัล ๒๑ ว่า ‘ทหารส้มคลั่ง’ แล้วดยงสองกรณีเข้าด้วยกัน
ไม่ว่ากระทรวงดิจิทัลของรัฐมนตรีสามีนุสบา
ปุณณกันต์ และ/หรือกำลังพลหน่วย ‘ไอโอ’ ของทหารจะให้ท้ายกระบวนการวิชามารบนโซเชียลมีเดียนี้หรือไม่
การปล่อยให้เพจดังกล่าวประกอบการซ้ำอีกเช่นนี้ ก็พอที่จะชี้ชัดแล้วว่า
“ลา มะลิลา ขึ้นต้นปฏิรูปไทย ห้าปีผ่านไป
ได้อะไรกลับมา”