...
Samart Chaloemwongwat to RedArmy
August 11 at 11:14 PM
#ขอให้ระมัดระวังนายทหารคนนี้ให้ดี ในวันนี้เขาได้แต่แยกเขี้ยวใส่เรา แต่วันใดที่เราเผลอหันหลังให้ เขาอาจกระโจนเข้ากัดทึ้งเราโดยไม่รีรอ
4 เหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่าพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์น่าจะเป็นบุคคลที่ไม่อยู่ในร่องในรอยที่สุดคนหนึ่งของกองทัพไทย
1. ท่าทีการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมคิดว่าพลเอกอภิรัชต์ยังคงมีวิธีการมองฝ่ายต่าง ๆ ด้วยความต้องการที่จะระบุศัตรูอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้และในวันนี้ก็ยังคงเป็นอยู่ ใจความสำคัญของการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปคือ พลเอกอภิรัชต์พยายามอย่างยิ่งที่จะบอกกับสังคมว่าใครก็ตามที่คิดแตกต่างไปจากกองทัพนั้นก็คือศัตรู
2. พลเอกอภิรัชตน์นำการต่อสู้ด้านข้อมูลข่าวสารในยุคโซเชียลมีเดียปัจจุบันไปเทียบกับการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในยุคเก่าเมื่อราว 50-60ปีก่อน ราวกับคนที่มีอาการหลอนเหมือนถูกผีหลอก (น่าจะเข้าข่ายหลอกตัวเองมากกว่า) สะท้อนให้เห็นว่าภูมิปัญญาของกองทัพไทยไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าเช่นเดียวกับโลกสากลเลย
3. พลเอกอภิรัชต์บอกว่ากองทัพกำลังสู้รบกับโซเชียลมีเดีย เป็นสงครามไซเบอร์ แต่อันที่จริงแล้วหัวใจสำคัญของโซเชียลมีเดียคือการเชื่อมข้อมูลข่าวสารให้ถึงผู้รับสารได้มากที่สุด โดยที่ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด ปล่อยให้ผู้รับสารได้เป็นคนตัดสินใจจะชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือต่าง ๆ ด้วยตนเอง และในหลายครั้งก็ใช้เพื่อต่อสู้ให้คนตัวเล็ก ๆ ในสังคมได้มีที่ยืนเพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพรวมถึงเรียกร้องคุณภาพชีวิตและความยุติธรรมในกรณีต่าง ๆ ให้ดีชึ้น.. คนรุ่นใหม่ก็เติบโตท่ามกลางการใช้โซเชียลมีเดียเช่นนี้ พวกเขามีสติและมีประสบการณ์ซึ่งผมคิดว่าคนรุ่นใหม่คงไม่จำเป็นต้องได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากกองทัพหรอกครับ เพราะพวกเรากรองข่าวกรองข้อมูลข้อเท็จจริงกันเองได้ เป็นห่วงก็แต่รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากคสช. กองทัพที่อยู่เบื้องหลังทางการเมืองที่ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโฆษณาชวนเชื่อต่อประชาชนอย่างไม่มีความแนบเนียนเหมือนที่เห็นกันอยู่ตลอดเวลามากกว่า
4. พลเอกอภิรัชต์ไม่ค่อยอยู่ในร่องในรอยเท่าที่ควร เห็นได้จากที่พลเอกอภิรัชต์พูดเรื่องการเมืองมาตลอดเวลาในการให้สัมภาษณ์ กระทั่งย้อนกลับไปในห้วงเวลาที่ผ่านมาก็แสดงออกทางการเมืองมาตลอดทั้งในทางตรงและทางอ้อม แต่กลับบอกว่าตนจะไม่ยุ่งกับการเมืองในยุคสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทั้งที่เรื่องที่ตนเองพูดอยู่นั่นก็คือการเมืองนั่นเอง
.
หลายครั้งแล้วที่นายทหารคนนี้พยายามให้ร้ายต่อคนร่วมชาติที่เขามองว่าเป็นศัตรู (ทุกท่านยังคงจำวาทกรรม "หนักแผ่นดิน", "ซ้ายจัดดัดจริต", "ไม่นึกถึงแผ่นดินเกิดก็ไม่สมควรอยู่เมืองไทย" กันได้ใช่ไหมครับ) ฉะนั้นแล้วพี่น้องประชาชนท่านใดที่เห็นว่าโครงสร้างทางการเมืองที่เป็นอยู่นี้ควรถูกเปลี่ยนแปลง ทหารต้องเลิกแทรกแซงการเมือง ประเทศยังต้องเป็นประชาธิปไตยให้ได้มากกว่านี้ ขอให้ระมัดระวังนายทหารคนนี้ให้ดี ในวันนี้เขาได้แต่แยกเขี้ยวใส่เรา แต่วันใดที่เราเผลอหันหลังให้ เขาอาจกระโจนเข้ากัดทึ้งเราโดยไม่รีรอ
.
เครดิตภาพ: REUTERS/Athit Perawongmetha
...
.
เครดิตภาพ: REUTERS/Athit Perawongmetha
...
General Apirat’s interview shows the intention of the military to support the government to control—rather than to serve—the people. @TostevinM @panuw @MatichonOnline #thaipolitics pic.twitter.com/Y9gGKI5iHe— Titipol Phakdeewanich (@Titipol) August 13, 2019