วันอาทิตย์, สิงหาคม 11, 2562

วาทะ 'บิีกแดงลูกบิ๊กจ๊อด' ชี้ถึง "กึ๋นของ คสช.นั้นจิ๊บจ้อยและหยุ่นยวบเสียนี่กระไร"


คงเพราะเหิมเกริมหมายตบตาทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง แล้วไม่สำเร็จ เจอทีเด็ด ปิยบุตร อนาคตใหม่ จับเท็จได้เสียก่อน การถวายสัตย์แบบขาดตกของ ประยุทธ์กลบอย่างไรไม่หาย พวกหัวหมู่ทะลวงของฝ่ายนักรัฐประหารจึงออกปฏิบัติการ

ผบ.ทบ.คนหนึ่งละที่เจาะจง บิดเบือน โจมตีพรรคอนาคตใหม่อีกหน ถึงไม่เอ่ยชื่อก็ชัดแจ้งว่าตั้งใจฟัดโดยตรง เสียแต่ว่าสิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นการ มุสา หาเรื่องโดยไม่มีหลักความจริงหนุน

“กองทัพบกไทยกำลังสู้รบ สงครามพันทางอยู่กับศัตรูที่ใช้ ข่าวเทียมเปลี่ยนคนหนุ่มสาวให้เป็นผู้ต่อต้านกองทัพและสถาบันกษัตริย์” ทั้งๆ สิ่งที่ บิ๊กแดงลูกบิ๊กจ๊อด (นักรัฐประหารที่ยึดอำนาจแล้วรวยล้น จนพวกเมียๆ ตบตีแย่งสมบัติหน้าเชิงตะกอน) พูดเหล่านั้นคือ ‘fake news’ ของแท้

การใช้อุปมาอุปมัยเปรียบเปรยไฉนช่างด้อยตรรกะ ไม่สมกับที่เรียนจบสถาบันซึ่งผลิตผู้เผด็จการไทยเอาไว้หลายต่อหลายคน “มันเหมือนยุทธการไซเบอร์” อภิรัชต์อ้าง “เมื่อผสมเข้ากับการลอบวางระเบิดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เป็นดั่งฮายบริดวอร์แฟร์”

รอยเตอร์ขอให้ระบุตัวได้ไหมว่าใครก่อยุทธการ ใครวางระเบิด อภิรัชต์ไม่ยอมตอบแต่ไพล่ไปชี้หน้า “พรรคการเมืองบางพรรคที่เพิ่งกำเนิดได้สองปี มีแผนการณ์พุ่งตรงเข้าใส่คนที่อายุเพียง ๑๖ กับ ๑๗ พวกนี้พยายามให้ความรู้ด้วยข่าวเท็จ”

สิ่งหนึ่งที่ผู้อ่านซึ่งไม่ สลิ่ม สามารถจับโกหกของอภิรัชต์ได้คาปากก็ตอนที่เขาบอกว่า “กองทัพยังคงไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง และภายใต้การกำกับดูแลของเขาจะไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น” ข้อหลังนี่เป็นเรื่องต้องจ้องดูกันไปแบบตาไม่กระพริบ

ส่วนข้อแรกนั่น สิ่งที่อภิรัชต์ถอดเครื่องแบบไปใส่สูทนั่งให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ ฉากหลังมีแสงสะท้อนน่าเกรงขาม นั่นคือการพูดการเมือง การจ้วงจาบโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช.ที่ตนเป็นฐานหนุนสำคัญด้วยกำลังพลและยุทโธปกรณ์


เฉพาะเรื่องวางระเบิดกลางกรุง ๕ จุดที่อภิรัชต์เอามาอ้าง การสืบสอบหาคนร้ายของรัฐบาล คสช.๒ ที่ ผบ.ทบ.หนุน ก็ยังใช้วิธีเยี่ยงเผด็จการที่ไม่แยแสหลักสิทธิมนุษยชนสากล และระเบียบนิติธรรมสากลอยู่เลย ดังศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า

น้าสาวของผู้ต้องหา (นาม ลุกไอ) ว่าวางวัสดุคล้ายระเบิด ถูกกลุ่มชายอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ “ไม่ยอมแจ้งชื่อ ยศและสังกัด และไม่มีการแสดงหมายจับ หมายเรียก” นำตัวเธอไปทำการสอบสวน แม้เจ้าตัวพยายามปฏิเสธก็ถูกกดดันบังคับให้จำยอม

พวกเขาพาเธอเดินทางด้วยรถที่ปิดบังป้ายทะเบียนไว้ ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งใกล้สถานีรถไฟสามเสน ทำการซักถามต่างๆ เกี่ยวกับหลานชายตั้งแต่บ่ายสี่โมงถึงสี่ทุ่ม ดดยระหว่างการซักถามเธอขอไปเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้รับอนุญาต

ก่อนปล่อยตัวเธอถูกบังคับให้เซ็นเอกสารซึ่งระบุว่าเธอไม่ได้ถุกบังคับนำตัวมา และไม่ได้มีการข่มขู่ใดๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่ปล่อยตัว แต่ครั้นเมื่อส่งเธอยังที่พัก เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเหล่านั้นบอกว่า อาจจะกลับไปนำตัวเธอไปซักถามเพิ่มเติมอีก


นั่นไม่ใช่วิธีการของรัฐบาลที่ยึดมั่นในหลักกฎหมายซึ่งชอบธรรม มันเปื้อนปนไปด้วยวิธีการอย่างเผด็จการที่หลายคนกลับเห็นว่าเป็นเยี่ยงโจรป่าห้าร้อยไร้อารยธรรม หรืออีกอย่างก็คือพวกมิจฉาชีพมาเฟีย มันชี้ให้เห็นต่อไปว่า
 
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถวายสัตย์ขาดตก น่าจะไม่ใช่ “ท่านไม่ได้มีเจตนา” อย่างที่ ธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐออกมาแก้ต่างให้ “พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันชัดเจนแล้วว่าจะแก้ไขทุกอย่างให้เรียบร้อย ดังนั้นอยากให้ฝ่ายค้านจบเรื่องนี้ได้แล้ว”

ธนกรยังใช้วิชามาร เสี้ยม ต่อไปด้วยว่า “ทางที่ดีพรรคร่วมฝ่ายค้านน่าจะเอาอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่เอาเวลาไปลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนแล้วสะท้อนมายังรัฐบาล...ดีกว่า”


เป็นความพยายามใช้ทั่งเล่ห์กลและมนต์คาถาของฝ่ายรัฐประหารที่จะ ลวงโลกให้ยอมปล่อยพวกตนเสวยอำนาจ ครองบ้านครองเมืองต่อไปอย่างสงบ แต่เชื่อได้ว่าจำนวนผู้ที่ยังหลงใหลในปมเขื่องของนักยึดอำนาจ มีแต่น้อยลงไปทุกวัน
 
แม้แต่ปรากฏการณ์ เต้มงคลกิตติ์ พรรคศรีวิไลย์งัดข้อกับ คสช.๒ ไม่ย่อ อาจจะเพียงยกระดับ ‘up his ante’ โก่งราคาเพิ่ม เพราะต้นทุนต่ำจนไม่มีอะไรจะเสีย แต่สิ่งที่นักการเมืองผู้ไม่น่าเชื่อถืออย่างเขากลั่นกล้าเพียงนี้ ย่อมชี้ถึงความจริงอย่างหนึ่งว่า กึ๋นของ คสช.นั้นจิ๊บจ้อยและหยุ่นยวบเสียนี่กระไร