วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 15, 2562

“ใช้คืนแล้วถือว่าความผิดไม่เกิด” มาตรฐาน ตลก. ศาลรัฐธรรมนูญไทย


สัณฐานเหมือนกันหมด ในเครือข่ายสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ตั้งแต่หัวหน้าผู้ก่อการยัน ตลก.บริกร รายแรกทำเป็นแซว ผู้ต้องหาที่ บริสุทธิ์ว่า “ไม่เห็นบอกศาลไม่ยุติธรรม” รายหลังอ้าง “ใช้คืนแล้วถือว่าความผิดไม่เกิด”

สองกรณีดังกล่าวแม้จะ ต่างกรรมต่างวาระแต่ว่าก็อยู่ในบริบทเดียวกันของการใช้อำนาจอย่างเผด็จการ ไม่เพียงด้วยการอ้างแบบ ศรีธนญชัยหากหนักหนายิ่งกว่า เข้าขั้น อุบาทว์เมื่อเทียบเคียงกับกรณีที่ อธึกกิต แสวงสุข บอกว่า

“ตลกอุบาทว์ องค์กรอำนาจทหาร ก้าวก่ายงานพลเรือน เป็นรัฐซ้อนรัฐ กลายเป็นองค์กรส่งเสริมคุณธรรม
ใครกล้าประเมินให้ตกวะ”

นั่นจากการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็น “๑ ใน ๓ หน่วยงานที่สามารถผ่านการประเมินเป็นองค์กรส่งเสริมคุณธรรม” โดยสำนักนายกรัฐมนตรี ของ คสช. ๒

รายละเอียดหาอ่านกันที่ https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1625498 ขี้เกียจเล่าเรื่องสัปปะดี้สีปะดนของการ สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองทางการเมือง 
อุบาทว์พอกันก็คือ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงต่อสภาฯ เรื่องที่เคยมีตลาการทั่นหนึ่ง “แต่งตั้งบุตรชายตัวเองเป็นเลขานุการ (เงินเดือน ๕๑,๘๑๐ บาท) แล้วปรากฎว่าไม่ได้เข้ามาปฏิบัติงาน แต่กลับลาไปศึกษาต่อต่างประเทศทั้งที่ยังได้เงินเดือนเป็นเวลาถึง ๑ ปี ๖ เดือน”

ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ตั้งกระทู้ถาม แล้วนายเชาวนะ ไตรมาส เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญตอบว่า “ผลสอบสวนถึงที่สุดแล้ว ข้อเท็จจริงคือตุลาการท่านนั้นได้มอบหมายภารกิจให้เลขานุการไปทำขอบเขตที่กว้างขวางออกไปในเครือข่ายของต่างประเทศ”

โอว นี่หรือคือตรรกะตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมของตุลาการไทย ใช้คำ ตลก.อุบาทว์ได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวเช่นเดียวกับกรณี คุณธรรม ของ กอ.รมน. องค์กรที่โดยพฤตินัยและนิตินัยแอบแฝง ต่อแต่นี้ไปเป็น อำนาจบาตรใหญ่กดดันประชาชนที่เห็นต่าง แทน คสช.

ยังไม่นับประเด็น กินจุ ที่นายรังสิมันต์ โรม อภิปรายแจงว่าในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ศาลรัฐธรรมนูญ “ใช้จ่ายด้านบุคลากรถึง ๑๔๙,๙๔๖,๖๐๐ บาท (๖๐.๖๒% ของงบทั้งหมด)” เขาลงละเอียดด้วยว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนุญ ๑ คน มีที่ปรึกษา ๑ อัตรา ผู้เชียวชาญ ๓ อัตรา เลขานุการ ๑ อัตรา ผู้ช่วยเลขานุการ ๒ อัตรา

รวมเงินเดือนผู้สนับสนุนฯ ตลก.หนึ่งคนปาเข้าไป ๒๖๒,๕๒๐ บาท (ย้ำ เฉพาะผุ้สนับสนุนนะ) มากกว่าเงินเดือน ส.ส. ๑ คนกว่าเท่าตัว (ส.ส.ได้เดือนละ ๑๒๙,๐๐๐ บาท) “ทั้งที่งานของ ส.ส. เป็นงานเชิงรุกที่ต้องติดต่อกับพี่น้องประชาชนตลอดเวลา”


เกี่ยวกับการใช้งบประมาณนี่ อีกกรณี อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักษาชาติ ตั้งปุจฉา “งบประมาณในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สัปปายะสภาสถาน แล้ววิทยุทรานซิสเตอร์นี้คืออะไรคะ”
 
อันเนื่องมาแต่พรรครัฐบาล คสช.๒ แจกวิทยุทรานซิสเตอร์ธานินทร์ให้ ส.ส.สังกัดวางไว้ตามจุดพักผ่อน โรงอาหาร ห้องน้ำ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดเวลาถึงคราต้องไปเป็น ฝักถั่ว ยกมือสนับสนุนรัฐบาล ทั้งนี้เนื่องจากแพ้โหวตฝ่ายค้านอีกแล้วเป็นหนที่สอง

อันเป็นการลงมติประเด็น “การพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร (๑) สภาฯ สิ้นอายุ หรือสภาฯ ถูกยุบ หรือไม่มีสภาเพราะเหตุอื่นใด” ประโยคท้ายนี่กรรมาธิการฝ่ายค้านร้องให้ตัดออกไปเพราะมีนัยยะถึงการยึดอำนาจและรัฐประหาร

ผลการออกเสียงฝ่ายค้านชนะด้วยคะแนน ๒๓๔ ต่อ ๒๒๓ เสียง เชื่อว่าเป็นเพราะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมัวพักผ่อนเพลินกัน เลยไปโหวตไม่ทัน น่าจะเป็นด้วย สำนึกในการเป็นผู้แทนฯ ของพรรคร่วมรัฐบาลดั่ง สมบัติผลัดกันชม ยิ่งกว่า รับใช้ประชาชนแล้วโทษสัญญานดิจิทัล


เช่นเดียวกับตัวใหญ่ของฝ่ายสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามเลี่ยงความผิดต่อการที่ตนอ่านคำถวายสัตย์ตัดห้วน (น่าจะโดยตั้งใจ) ละเว้นคำปฏิญานที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แล้วถูกฝ่ายค้านจี้ให้ตอบ ก็เลยไม่ไปสภาเสียงั้น เป็นวันที่สองแล้ว

ทำเป็นแถกไป จิตอาสาเล่นชักคะเย่อกับเด็กตาบอด แถมยังทำเป็น ลาฉลาด’ Smart Ass ถามเด็กๆ ว่า “มีใครจะตั้งกระทู้ถามบ้างไหม” เหน็บฝ่ายค้านสไตล์ ตลกอุบาทว์เสียนั่น หนักกว่านั้นเป็นการเหน็บแนม นปช. ที่เพิ่งหลุดคดีก่อการร้ายรวด ๒๔ คน

 
คำพิพากษาคดีก่อการร้าย “เป็นข้อสรุปจากศาลหลังแต่ละฝ่ายต่อสู้กันด้วยพยานหลักฐาน คนตายไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย การชุมนุมเมษา-พฤษภา ๕๓ ไม่ใช่ขบวนการก่อการร้าย” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. ครั้งนั้นโพสต์ตบตู่

“นายกฯอย่ามาแซว พวกผมไม่เคยหนีคดี แต่ท่านกำลังหนีสภา”