วันอังคาร, สิงหาคม 13, 2562

ทีมเศรษฐกิจประยุทธ์ทุ่มแจกอีก ๗ หมื่นล้าน ท่ามกลางหนี้สาธารณะ ๖.๙ ล้านล้าน


วุ้ย พอประยุทธ์เข้าไปเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วยตัวเองก็มีการใช้ ยาแรงเชียว เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลัง ๒๕๖๒ เศรษฐกิจยังจะรากเลือดต่อไป กระทรวงคลังมีแผนทุ่มแจกอีกไม่ต่ำกว่า ๗ หมื่นล้าน กำลังเข้าสู่ ครม. เสร็จประมาณ ๒๐ สิงหา

นอกจากเติมเงินบัตรคนจน-คนชรารายละ ๑ พันแล้ว ยังแจกเงินให้ผู้ไปเที่ยวทั้งเมืองหลักเมืองรองอีกคนละ ๑,๕๐๐ บาท โดยจ่ายผ่านระบบ อี-เพย์เม้นต์อ้างว่าจะทำให้เงินสะพัดถึง ๒-๓ หมื่นล้าน เพราะนักท่องเที่ยวมักจะจับจ่ายมากกว่าพันห้าร้อยอยู่แล้ว

จะอย่างไรก็ตามแต่ ดูตัวเลขเอาแล้วกัน ทุ่ม ๗ หมื่นกระตุ้น ๓ หมื่น ไม่ใช่กระตุ้นฐานรากแล้วมั้ง อย่างที่ ทักษิณ ว่าเอายาไทยรักไทยไปใช้ แต่ยาหมดอายุไปนานแล้ว ได้ผลเกือบครึ่งเดียวก็นับว่าบุญ

อ้อ แล้วยังหวังลมแล้งอีกว่ามาตรการ ยาเก่า เนี่ยจะทำให้เศรษฐกิจสามารถพยุงตัวอยู่ที่อัตราเติบโต ๓.๕% ได้ ท่ามกลางคำพยากรณ์ของสำนักวิจัยต่างๆ ที่ว่าปีนี้ และดูท่าจะถึงปีหน้า เศรษฐกิจไทยโตได้อย่างดีแค่ ๓%

นั่นท่ามกลางฉากหลังที่คลังเพิ่งเปิดเผยว่าเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม ประเทศมีหนี้สาธารณะคาอยู่อีก ๖.๙ ล้านล้านบาท เท่ากับ ๔๑.๗๘% ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ’ –GDP โดยหนี้รัฐบาลมากกว่าเพื่อน ๕.๖ ล้านล้าน มือเติบแล้วนี่


ส่วนประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าใหญ่ คสช.๒ ก็กำลัง ‘failing miserably’ ล้มเหลวอย่างแรง ไหนจะมีพรรคจิ๋วอีกแห่งตามรอย เต้ประกาศตรวจสอบรัฐบาลตู่ ๒ อย่างไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรม “เรื่องไหนที่มองว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ก็จำเป็นที่จะต้องทักท้วงและตรวจสอบอย่างละเอียด”

พิเชษฐ์ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทยประกาศยืนเคียงข้าง นายมงคลกิตตื สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีววิไลย์ “ยืนยันที่จะออกมาอยู่ข้างประชาชน หากได้รับข้อเสนอจากทางผู้ใหญ่เพื่อให้กลับไป ก็ขอไม่รับข้อเสนอ”
 
ขณะที่ เรืองไกร ลิกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย “เปิดปมใหม่ การได้มาซึ่งนายกฯ ไม่ชอบตาม รธน.” เขาบอกว่าเรื่องนี้หนักกว่ากรณีไม่อ่านคำถวายสัตย์ของนายกรัฐมนตรีให้ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ เพราะมีการข้ามขั้นตอนสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบประยุทธ์เป็นนายกฯ

นายเรืองไกรชี้ว่าเรื่องนี้ความผิดอยู่ที่ประธานรัฐสภา ชวน หลีกภัย ที่ลัดขั้นตอนการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯ ในสภาผู้แทนฯ ไปรวบยอดพิจารณาในที่ประชุมร่วมรัฐสภาเลย ทั้งที่มีการวางแนวปฏิบัติเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วโดยศาลรัฐธรรมนูญ

เรืองไกรเตรียมยื่นคำร้องผ่านอัยการสูงสุด ว่านายชวนไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๖/๒๕๕๙ โดยมีบันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และบันทึกการประชุมรัฐสภา ระบุอย่างชัดเจนว่าการโหวตนายกฯ ต้องเริ่มที่สภาผู้แทนฯ

แต่นายชวนกลับ “ไม่ทำ ทั้งที่มีการทักท้วงแล้ว และมีการรวบขั้นตอนไปทำในที่ประชุมรัฐสภา...ทำให้การได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ” อย่างจัง


หนักเข้าไปอีกคือการที่รัฐบาลใหม่ของ คสช.ยังปฏิบัติการเหมือนคณะรัฐประหาร มีการก้าวร้าวละเมิดสิทธิของประชาชนที่แสดงการทักท้วง คัดค้าน และเรียกร้องสิทธิของตนในที่สาธารณะ ที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ล่าสุดเป็นการกักกันตัวนายเอกชัย อิสระทะ นักปกป้องสิทธิชุมชน
 
@iLawFX รายงานเมื่อเวลาสองทุ่มวันที่ ๑๒ ส.ค.ว่าเขา “ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มจากเวทีประชาพิจารณ์เหมืองพัทลุงไปไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งและปล่อยตัวในวันเดียวกัน มีการสั่งให้ลบข้อมูลในโทรศัพท์และกล้องติดหน้ารถ”

และในเหตุการณ์ที่พัทลุงนี่นั้น สุนัย ผาสุก แห่งฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์แจ้งว่า “สื่อมวลชนก็ถูกคุกคามกดดันไม่ให้รายงานข่าวโครงการนี้” ด้วย

เอกชัยเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคสามัญชน เขาไปสังเกตุการณ์ประชาพิจารณ์เหมืองหินปูนเขาน้อย จ.พัทลุง แต่เข้าไม่ได้และถูก “อิทธิพลมืออุ้มไปขัง” ซึ่งเหมืองแห่งนี้คล้ายกับกรณีเขาคูหา จ.สงขลา บ้านเกิดของเขา ที่ภาคประชาชนรณรงค์ได้รับชัยชนะ

ก่อนหน้านั้นเขาร่วมการเดินเท้าไปพบหัวหน้า คสช.ที่เมืองสงขลา ในรณรงค์เรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ คสช.สลายการชุมนุมและดำเนินคดีกับเขา ๒ คดี