ภาวะผู้นำในวิกฤติ #ระเบิดกลางกรุง ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ”ไม่มี”
1. ขาดมาตรการดูแลประชาชนในที่เกิดเหตุและจุดเสี่ยงทันที ตัวอย่างเมื่อเกิดระเบิดที่ศูนย์ราชการ คนในอาคารควรถูกอพยพ ตำรวจพร้อมสุนัขตรวจวัตถุระเบิดต้องเข้าปูพรม ก่อนจะแน่ใจว่าอาคารปลอดภัยพอจะใช้งานต่อ นี่คือสิ่งที่ควรเกิดขึ้นกับ BTS และ MRT ทันทีด้วย
2. การสื่อสาร ทั้งผบ.ทบ.และนายกฯมีท่าทีที่ไม่อาจทำให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย การปัดสวะให้พ้นตัวด้วยการตัดความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นท่าทีที่มีปัญหาอย่างยิ่ง เพราะคุณไม่อาจตัดความเป็นไปได้ใดๆทันทีที่เกิดอาชญากรรม
หากมีความจริงใจในการค้นหาความจริง ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม ทุกความเป็นไปได้ควรถูกตัดหลังการดำเนินกระบวนการสืบสวนแล้ว ไม่ใช่ก่อนจะเริ่มต้น
3. การมีบทบาทควบคุมทั้งกอ.รมน. ทหาร ตำรวจ DSI มีปัญหาทั้งในเชิงหลักการและในทางปฏิบัติ ท่าทีของคุณประยุทธ์ที่ สตช. วันนี้มีปัญหา การควบคุมตำรวจของนายกฯคือการดึงเอาความรู้สึกเป็นเจ้าของงาน(ownership)ออกจากมือผบ.ตร.และผู้ใต้บังคับบัญชา
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือทำตามสั่ง ไม่ขาดไม่เกิน เพื่อความปลอดภัยของตำแหน่ง แรงขับดันที่จะทำงานให้สำเร็จในฐานะเจ้าของผลงานจะหายไป
ยิ่งไปกว่านั้น การเอาหน่วยงานความมั่นคงมาอยู่ภายใต้บังคับของตนแบบเบ็ดเสร็จยังเป็นปัญหาในแง่อิทธิพลการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะ”ต้นทาง”อย่างตำรวจ ทั้งการปัดคดีและการยัดคดีเกิดได้ง่ายเพียงชี้นิ้วสั่ง และเมื่อนิ้วนั้นคือนิ้วของหัวหน้ารัฐบาล การตรวจสอบก็เสียสมดุลย์
Bow Nuttaa Mahattana@NuttaaBow
ooo
โจนาธาน เฮด BBC ตั้งคำถาม เรื่อง #ระเบิด ตามที่ #ไอ้แดง ผบ.ทบ.บ้าเหรียญ บอกว่า รู้ตัวกลุ่มที่ทำ ถ้ารู้ทำไมไม่บอกชื่อออกมาเลย ?? #Bombs #Bangkok #Thailand https://t.co/UpmBSujPqZ— Suda Rangkupan (@sudarang) August 2, 2019
สื่อที่ชี้เป้าว่า”พวกเดิม”ก่อ #ระเบิด เรียกว่าปลุกปั่น แต่เจ้าหน้าที่ชี้เป้าว่ารู้ว่า”พวกเดิม”เรียกว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ถ้ารู้แล้วทำไมปล่อยไว้ล่ะ?— กานดา นาคน้อย (@kandainthai) August 2, 2019
หรือจะเป็นการกลบข่าวถวายสัตย์ไม่ครบหรือเปล่า???— ♥ Moui ♥ (@moui) August 2, 2019