ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล รัชกาลที่ ๙ นั้น
รัฐบาลไม่ว่าชุดไหนจักต้องน้อมเกล้าฯ นำพระราชดำรัส พระราชปรารภ ในวโรกาสต่างๆ
วันเฉลิมฯ วันนักขัตฤกษ์ หรือกระทั่งเมื่อมีคณะตุลาการ ข้าราชการ เข้าเฝ้าฯ
เอาปฏิบัติหรือปรับเป็นนโยบาย
นั่นเป็นที่ยอมรับว่าคือการที่ทรงใช้พระราชอำนาจบารมีในทางการเมืองการปกครอง
แบบราชาธิปไตยเหนือระบบประชาธิปไตย โดยไม่ต้องระบุไว้ในรัฐธรรมนูญและตัวบทกฎหมาย
ภายใต้การตีความโดย ‘ละไว้ในฐานที่เข้าใจ’ ต่อวลีห้อยท้ายระบอบที่ว่า
‘อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’
ครั้นมาถึงยุคอำนาจเบ็ดเสร็จรัฐประหาร ม.๔๔ ซึ่งลากถูมาได้สามปี
ก็มีความคล้ายคลึงกันเมื่อคำพูดปาฐกถาของหัวหน้า คสช. มีเทศบาล กทม.
รับด้วยกระหม่อม ใส่กบาล เอาไปปฏิบัติด้วยความเคยชินกับกระแสนิยม กระทั่งเจ้าตัวยังจำไม่ได้ว่าพูดไว้อย่างไร
กรณีกรุงเทพมหานครใช้ ‘วิธีพิเศษ’ จัดทำเสื้อโปโลติดตราสัญญลักษณ์องค์กรจำนวน ๒ แสนตัวมุ่งหมายแจกจ่ายให้แก่ข้าราชการในสังกัดได้สวมใส่แสดงความผูกพันต่อองค์กร
กลับปรากฏเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นความฟุ่มเฟือยเกินกว่าจำเป็น
เนื่องจากสนนราคาตัวละ ๒๔๘ บาท วงเงินเกือบ ๕๐ ล้านบาท
แล้วยังจัดซื้อชุดเอี๊ยมกันน้ำพร้อมรองเท้าบู๊ตอีก ๑ พันชุดด้วยวิธีพิเศษเช่นกัน อีกเป็นจำนวนเงิน
๑ ล้าน ๒ แสนบาท ทำให้โครงการนี้จะต้องสิ้นเปลืองงบประมาณทั้งสิ้นราว ๕๐ ล้าน ๘
แสนบาท
พอนักข่าวถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับได้รับคำตอบว่า “จะไปรู้เรื่องได้อย่างไร กทม. ทำ ไม่ได้มาขอ
มันเหมาะสมหรือไม่ จะมาอ้างอย่างนี้ไม่ได้ มาอ้างตนท้วงติงใส่เสื้อไม่มีสัญลักษณ์
ท้วงตอนไหนไม่รู้ จำไม่ได้”
แต่สำนักข่าวอิศราไปขุดเอาหลักฐานมายันจนได้
พบว่าเกิดจากเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม เมื่อประยุทธ์ “ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานแก่ไขปัญหาน้ำท่วม
และติดตามแผนบริหารจัดการน้ำของ กทม. หลังฟังคำบรรยายสรุปเสร็จ บิ๊กตูบได้ตั้งข้อสังเกตุว่า
“การแต่งกายของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของ
กทม. ไม่แสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ” อีกทั้ง “เจ้าหน้าที่บางประเภททำงานเสี่ยง ควรมีเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมรัดกุมปลอดภัย”
ทันใด
พ.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. “จึงได้มอบนโยบายให้รองผู้ว่าฯ กทม. (นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ)
จัดหาเสื้อโปโลและชุดเอี๊ยมกันน้ำให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานของกทม.”
เป็นความว่องไวของ
พล.ต.อ.อัศวิน สนองคำบิ๊กตูบทันควัน ด้วยเหตุที่ตำแหน่งผู้ว่าการ กทม. นี้
คสช.ตั้งมาเองกับมือ แต่แล้วต้องกลับหลังหันทันทีเมื่อเจอคำปรารภของหัวหน้า คสช.
กลับคำซะนี่ เป็นที่มาของการที่
“ขณะนี้
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว”
โดยมีข้อแก้ตัวจากเลขาฯ ผู้ว่า กทม. นายยุทธพันธุ์ มีชัย “เจ้าหน้าที่บอกว่าได้ยินนายกฯ
พูดขึ้นมาระหว่างการลงพื้นที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วม
กรณีดังกล่าวนี้จึงน่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่เอง”
เช่นเคย
เอาอย่างแบบบทเบ็ดเสร็จของ คสช. ไม่ยอมรับผิด รับแต่ชอบ และโทษผู้น้อย โทษคนเก่า
เอาแต่พูดปาวๆ ต้านคอรัปชั่น ไม่ยอมเหลียวดูคนข้างตัว
เท่าที่มีเรื่องอื้อฉาวสองเรื่องขณะนี้ ฟอกรถ ขส.ทบ. ออกมาขาย กับโครงการทุจริตติดตั้งโซล่าร์เซล
หรือ ‘พลังงานทางเลือก’
อีกแล้ว ปรากฏชื่อน้องชายของสองตัวสำคัญส่วนหัว
คสช. ในเรื่อง ‘ฟอกรถ’ นั่นนามสกุลจันทร์โอชา ส่วน ‘โซล่าร์เซล’ ก็ต้องวงษ์สุวรรณ