"ความถูกต้องต้องมีที่ยืน"
วันศุกร์ที่ผ่านมาผมกับน้องเฟเดินทางไปศาลฎีกาฯ เพื่อร่วมกับประชาชนที่มาให้กำลังใจนายกยิ่งลักษณ์ในการพิจารณาคดีนัดสุดท้าย ประชาชนจำนวนมากยังคงมาด้วยความศรัทธาทั้งที่ฝ่ายเผด็จการใช้ทุกวิธีที่จะสกัด
ฟังพยานอดีตหัวหน้าคลังสินค้าที่เบิกความว่า "หลังรัฐประหาร รัฐบาล คสช. สั่งให้ยกเลิกติดกล้องวงจรปิดบริเวณโกดังเก็บข้าว สั่งห้ามเปิดโกดังเพื่อรมยาจนเป็นเหตุให้ข้าวเสื่อมสภาพ ทั้งยังกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพข้าวเองและขายข้าวดีในราคาข้าวเสื่อมคุณภาพทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย" ผมเชื่อว่าประชาชนที่มีความเป็นกลางคงได้ข้อสรุปตามที่ผมยืนยันมาโดยตลอดว่า โครงการรับจำนำข้าวถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจและทำลายพรรคเพื่อไทย โดยมีนายกยิ่งลักษณ์เป็นผู้รับเคราะห์พร้อมกับชาวนา พฤติกรรมแห่งคดีตั้งแต่ชั้น ป.ป.ช. ที่เร่งรัดจนแซงทุกคดีที่เกิดก่อน จากนั้นออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ย้ายอัยการสูงสุด รวมถึงหัวหน้า คสช. สั่งการเองในที่ประชุมให้เร่งรัดดำเนินคดีโดยมีบันทึกรายงานการประชุม กบข. ครั้งที่ 3/2558 เป็นหลักฐานว่า "ไม่ต้องพิจารณาประเด็นยุติธรรม" คือหลักฐานที่พิสูจน์เจตนาทั้งหมด การต่อสู้คดีครั้งนี้จึงไม่ได้เดิมพันด้วยอิสรภาพของท่านเท่านั้น เพราะมันคือการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายนิยมเผด็จการ
เสร็จการพิจารณาคดีผมบอกท่านว่า คดีนี้ผู้พิพากษาไม่ได้มีเพียง 9 คน เพราะยังมีประชาชนที่รักความเป็นธรรมอีกหลายสิบล้านคนทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาเช่นกัน ประชาชนจะไม่ปล่อยให้ท่านเป็นผู้รับกรรมจากการรัฐประหารเพียงลำพังอย่างแน่นอน มีคนตั้งคำถามว่า "มาให้กำลังใจแล้วได้อะไร" ประชาชนฝากตอบว่า "ได้มาเห็นความกล้าหาญของอดีตนายกหญิงที่มาศาลยอมให้ตรวจสอบด้วยความศรัทธาว่าความถูกต้องต้องมีที่ยืน ในขณะที่ชายชาติทหารที่ทำกับเธอสารพัด แถมยังปากกล้าเรียกร้องให้คนอื่นมาต่อสู้คดีในศาลกลับนิรโทษกรรมตัวเองหนีการตรวจสอบ ประชาชนเลยฝากถามกลับว่าที่บ้านมีกระโปรงพอมั้ย ถ้าไม่พอจะทำทานบริจาคให้"
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
23 กรกฎาคม 2560
ที่มา FB
Watana Muangsook
ooo