อ๊ะ หมู่นี้ ‘เพื่อไทย’ รุกหนัก
น้ำขึ้นรีบตักเป็นธรรมดา ช่วยไม่ได้ คสช. เตะขาตัวเองทั้งนั้น
อย่างเช่นทั่นนายกฯ (ที่ตั้งตัวเองเข้ามา)
บอกให้ปลูกมังคุด-ทุเรียน แทนสวนยางงี้ ใครกันแน่ “คิดแบบเต่าล้านปี” ไอ้การจะ “ตัดยางแล้วปลูกผลไม้อื่นบ้าง”
มันไม่ง่ายอย่างปากขยับ ลงแรงตัดแต่ละต้นแล้วยังต้องขุดราก ปรับดิน
ถ้าจะตัดแค่สี่ซ้าห้าต้นเพื่อปลูกมังคุดทุเรียน มันไม่ได้มาทดแทนกันได้
ต้องรอกใหม่เป็นสิบๆ ไร่ ถ้าอยากให้ทำจริงไหง คสช.
ไม่ส่งทหารลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านตัดไม้รอกดินให้เป็นเรื่องราวโครงการหลักไปเลยล่ะ
แล้วการเปลี่ยนไปปลูกมังคุด-ทุเรียนใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างปากว่า
ถ้าไม่ดูข้อเท็จจริงว่าตลาดมังคุด-ทุเรียนไม่ได้มากเท่ายาง ปลูกแล้วไม่รู้ว่าจะทำให้ซัพพลายล้นเป้นปัญหาให้เกษตรกรเจ๊งกันระนาวอีก
ทั้งมังคุดทุเรียนเป็นผลไม้มีคุณค่าก็จริงอยู่
หากจะต้องมีการตลาดต่างประเทศควบคู่กับการปลุกทดแทนยางด้วย
รัฐบาลประยุทธ์คิดเรื่องนี้ไว้แล้วยัง (อีกที)
ถ้าจะทำจริงมีเวลาตามที่ควรอยู่อีกปีกว่า ถ้าทำให้สำเร็จบางทีชาวไร่พอใจไปหย่อนบัตรให้พรรคทหารก็ได้นะ
เพราะตลาดทุเรียนในประเทศเองเดี๋ยวนี้ก็กำลังล้นเหมือนกัน
เพราะทุกจังหวัดปลูกทุเรียนเลยแย่งกันขาย มังคุดยิ่งแล้วใหญ่
ชาวสวนมังคุดเพิ่งออกมาร้องโร่ให้ประยุทธ์ช่วยปั่นราคาอยู่มิใช่รึ
ลองดูที่ผู้ใช้นาม Thuethan Prasobchoke เขียนไว้บนหน้าเฟชบุ๊คของเขาหน่อยปะไร
“ตอนเช้าท่านผู้นำบอกให้ชาวสวนยางพาราไปปลูกมังคุด
ตอนบ่ายมีข่าวชาวสวนมังคุดเตรียมมาประท้วง เพราะมังคุดราคาตกเหลือกิโลละ ๖ บาท จากเดิมที่เคยราคาหน้าสวน ๕๐ -๖๐ บาท
สองเหตุการณ์นี้เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า
ผู้นำประเทศในตอนนี้ไม่ได้มีข้อมูล ไม่ได้รู้สี่รู้แปดอะไรเลย
พูดปัดปัญหาพอให้พ้นปาก เหมือนถ่มน้ำลาย ไม่มีองค์ความรู้ที่รอบด้านในการบริหารประเทศ
ไม่มีความฉลาดในข้อมูล
ท่านผู้นำจะรู้ไหมว่า
การปลูกมังคุด มันไม่เหมือนเพาะถั่วงอก
ผู้บริหารแบบนี้ใช่ไหมที่เสียงคุณภาพเขาต้องการ
หากยอมรับคุณภาพนายกแบบนี้ได้ ทีหลังอย่าไปตำหนินายกคนอื่นที่ประชาชนเลือกมานะ คงไม่มีพรรคการเมืองไหนที่จะหานายกที่ห่วยขนาดนี้มาให้เลือกได้
นี่รองนายกก็ออกมาบอกแล้วว่า
เขาไม่ได้อยากปฏิวัติรัฐประหาร แต่ที่ทำเพราะเรียกเขามาเอง
ห่วยอย่างไรก็ว่าเขาไม่ได้
คนที่เคยเป่านกหวีดเรียกเขามา
นอนตื่นพรุ่งนี้เช้า ก็ลองลูบๆ หัวตัวเองดูว่ามีปุ่มสองปุ่มเริ่มงอกขึ้นมาบนหัวหรือยัง”
ส่วนเรื่องราคายางตกต่ำที่ทั่นนายกฯ
พูดตามข่าวผู้ว่าการยางรายงานผลการประชุมร่วม ๓ ประเทศ ไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย
ว่า “ที่ประชุมเห็นว่าการทำให้ราคายางสูงขึ้นนั้นทำได้ยาก
เป็นผลจากปริมาณยางของไทยมีมากเกินไป...
และอีกปัญหาหนึ่งคือการที่
๓ ประเทศมองว่าเสถียรภาพทางการเมืองมีผลต่อราคายางพารา
โดยเฉพาะกับตลาดการซื้อขายล่วงหน้า จึงขออย่าให้มีการเคลื่อนไหวกดดันในขณะนี้”
นั่นไม่ทันไร นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่า กยท.
ออกมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แล้วว่า “ที่ประชุมทั้ง
๓ ฝ่ายไม่ได้พูดตรงๆ ว่าไทยเป็นผู้ทำลายราคายางพาราในตลาดโลก
รวมถึงยางพาราในไทยเป็นเรื่องการเมือง ถ้าการเมืองไม่มีเสถียรภาพราคายางพาราก็ปั่นป่วน”
นี่ไงที่เขาว่า “เหมือนถ่มน้ำลาย ไม่มีองค์ความรู้รอบด้าน” ใช่เลย สิ่งที่นักการเมืองพรรคเพื่อไทยออกมาตั้งท่าสัพพี เตรียมตะปูไว้ตอกฝาโลงกัน
มันก็เลยเริ่มเห็นจริง
วันก่อนอดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ยรรยง พวงราช พูดถึงดัชนีผู้บริโภคติดลบต่อกัน
๑๕ เดือน ผลิตผลเกษตรราคาตก เอสเอ็มอีเจ๊ง ซ้ำด้วยปัญหาแรงงานต่างด้าว เป็นเพราะ “รัฐบาล
คสช. บริหารเศรษฐกิจผิดพลาด” นี่มองเห็นภาพชัดแจ๋วเลย จะแก้ตัวอย่างไรก้ไม่หลุด
วันนี้อดีตรัฐมนตรีพลังงานออกมาพูดอีก “หลังจากการปฏิวัติแล้วการช่วยเหลือเกษตรกรได้ลดลงอย่างมาก” นายพิชัย
นริพทะพันธุ์ เล่าถึงตอนที่ถูกเรียกไปเข้าค่ายครั้งล่าสุด (ครั้งที่ ๘ มั้ง) “คนรวยกลับยิ่งรวยเพิ่มขึ้นแต่คนจนกลับยิ่งจนลง
ทั้งๆ ที่รัฐบาลได้ใช้เงินจำนวนมากในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยแต่กลับไม่ได้ผล”
เขาได้ช่องเลยไปถึงประเด็น ‘witch hunt’ ล่าแม่มดทางการเมืองเล็กน้อย
“รองนายกฯ
ฝ่ายเศรษฐกิจเคยพูดว่าได้ใช้เงินช่วยผู้มีรายได้น้อยไปแล้วกว่า ๙ แสนล้านบาท
ซึ่งสูงกว่าโครงการจำนำข้าวมาก แต่ประชาชนกลับไม่ได้รู้สึกว่ามีความเป็นอยู่ดีขึ้น
การใช้เงินจำนวนมากแต่ไม่ได้ผลเท่ากับสร้างความเสียหายให้กับประเทศหรือไม่
และอยากทราบว่าโครงการของรัฐ โครงการใดที่กำไรบ้าง
และหากบอกว่านายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบกับโครงการรัฐบาลที่ไม่กำไร
ก็ต้องเอานายกรัฐมนตรีทุกคนย้อนหลังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาดูว่าทำโครงการใดแล้วไม่กำไรบ้าง
ซึ่งน่าจะต้องเอาผิดกันเยอะเลย”
สะใจโก๋แก่สินะเธอว์