ดังใหญ่มั้ยเนี่ยสื่อออนไลน์สายป่านลึก เพิ่งจะลงบทความชมตัวเองไปหลัดๆ
เขียนโดยใครก็ไม่รู้ ด็อกเตอร์เวทิน ชาติกุล บอก “นักสู้ย่อมมีบาดแผล
เหยียบย่ำได้ก็เหยียบไป”
อ้างว่า ๑ ปีผ่านไป “เปลี่ยนความผิดพลาดเป็นบทเรียน”
จากที่เคยมียอดแฟนเพจแค่สองแสนห้า เดี๋ยวนี้ล้านสามแสน มากกว่า ‘มติชนออนไลน์’
จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ทีนิวส์ ณ ชื่นฤทัยในธรรม
(ภาษาแรกเกิดเรียก ‘หนูแก้ว’) ซึ่ง ‘DOUBLESTANDARD’ จอม satire อ้างคุณสมบัติ
“+ กล่าวหาคนอื่นว่าล้มเจ้า
คนเห็นต่างล้มเจ้า
+ ชอบทำไอโอให้ทหาร
+ นิ้วโป้งและนิ้วชี้แข็งแรงสามารถกด copy+paste ได้วันละร้อยๆ ครั้ง”
+ ชอบทำไอโอให้ทหาร
+ นิ้วโป้งและนิ้วชี้แข็งแรงสามารถกด copy+paste ได้วันละร้อยๆ ครั้ง”
“ในขณะที่คุณกรุณี
(บัวคำสาย) ไปลงพื้นที่ ทีมงานข่าวเรา (เขาหมายถึง บ.ก.ข่าว ปฏิสนธิยา
ชื่นฉ่ำจังในใจ) ก็ขะมะเขม้นในการกด Ctrl+C Ctrl+V และบรรยายเหมือนไปลงพื้นที่เอง แถมประหยัดเงินอีกด้วย”
พลันก็ให้มีอันเป็นไป
‘ชื่นฤทัยในธรรม’ กลายเป็น ‘ชื่นฤดีมีกรรม’
ไปเสียฉิบ เมื่อปรากฏทวี้ตของ Arm Matichon @ArmUpdate 14h14 hours ago แจ้งว่า
“ทีนิวส์
ลอกข่าว เนชั่น โดนจับได้เพราะลืมลบชื่อนักข่าวเนชั่นออก ปธ.สหภาพแรงงานสื่อมวลชนไทย
จี้ หยุดพฤติกรรมไร้จรรยาบรรณ”
คือว่าทีนิวส์ปฏิบัติการ “รายงานข่าวแบบ Virtual Reality
เหมือนตัวเองลงไปทำข่าวเอง” เพลินไปนิด ก็อป-เพสต์
ไม่บอกที่มาแล้วยังอ้างว่าเป็นข่าวตนเอง แต่พลาดตรงที่ไม่ได้ edit เลยติดชื่อเจ้าของข่าว อนุพรรณ จันทนะ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวประจำค่ายเนชั่น
ไปด้วย
จึงได้ร้อนถึง
สุเมธ สมคะเน ประธานสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชน ต้องออกหนังสือเรียกร้อง (คำสลวยของ ‘ประจาน’) ให้ “หยุดพฤติกรรมไร้จรรยาบรรณ
หลอกลวงสังคมซ้ำซาก”
ไอ้การ ‘ไร้จรรยาบรรณ’ และ ‘หลอกลวงสังคม’ อย่างไรไม่ต้องการคุ้ย
(ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดเค้าคุ้ยไว้แล้ว ดังภาพ)
แต่คำ ‘ซ้ำซาก’
นี่ใช่เลย เพราะเท่าที่ผ่านมาในรอบหนึ่งปีเห็นมีพวกนักข่าวสำนักหลักบ่นกันหลายราย
ว่าถูกทีนิวส์ลอกข่าวเอาไปใช้ ไม่ให้เครดิตแล้วยังสวมรอยว่าเป็นข่าวของตนเสียอีก
น่าสังเกตุได้ว่าในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา
ข่าวหน้าหลักของมติชนออนไลน์จะไม่สามารถก็อปปี้เนื้อหา ‘text’ ของเขาได้ เป็นเพราะเขาป้องกันทีนิวส์หรือเปล่าไม่รู้ได้
แต่แน่นอนว่าถ้าไม่ใช้วิธี
‘แค้ป’ หรือแค้ปเจอร์เป็นภาพ ไม่เช่นนั้นก็ ‘แชร์’ ทั้งดุ้นแล้ว จะลอกเฉพาะเนื้อข่าวของเขาเอามาใช้ไม่สะดวกอย่าง ‘copy+paste’ อีกต่อไป
อีกข้ออ้างที่ว่า ทีนิวส์ไม่เพียงเป็นสื่อ “แต่เป็นองค์กรที่ร่วมจัดตั้ง
‘เครือข่ายเฝ้าระวังเพื่อพิทักษ์และปกป้องสถาบันฯ’ ในห้วงยามที่การทำความผิดใน
ม.112 นั้นเพิ่มขึ้นจากหลักสิบเป็นหลักพันในระยะเวลาไม่กี่ปี”
นั่นดูเหมือนว่าถ้าทีนิวส์เป็นจริงอย่างที่อ้าง
ก็แสดงว่าสิ่งที่ทำนั้นล้มเหลว ประการแรกถ้าปกป้องได้ดี คดี ๑๑๒
ไม่ควรจะต้องเพิ่มขึ้น
ประการที่สอง สิ่งที่ทีนิวส์เรียกการกระทำของตนว่า ‘ปกป้อง’
มันเป็นการก้าวร้าว ใส่ความเขาเสียทั้งสิ้น อันทำให้คนจำนวนมากเกิดความรู้สึกว่า
“สุนัขของสถาบันยังขั้นนี้” ยังความเสื่อมเสียไปถึงสิ่งที่ทีนิวส์อ้างว่าปกป้องโดยมิบังควรด้วย
อีกนิด ในฐานะที่เราเองก็เป็นสื่อในลักษณะเดียวกัน
บทความยอยศโอดครวญของทีนิวส์ระบุว่า “ไม่มีใครยอมรับว่าการลอกข่าวเป็นเรื่องถูกต้อง”
ในขณะที่อีกตอนเขียนว่า “ข่าวดีๆ ที่ไม่ลอก 1000
ข่าวก็จะไม่ถูกจดจำเท่ากับข่าวที่ลอกเพียงข่าวเดียว”
(http://www.tnews.co.th/contents/336413)
(http://www.tnews.co.th/contents/336413)
ทั้งสองกรณีเป็นความเข้าใจผิดของทีนิวส์ทั้งเพ
การลอกข่าวโดยเอาไป ‘ทำซ้ำ’ ให้ผู้เสพรับรู้ว่าข่าวนั้นมาจากไหนเป็นของใคร
เจ้าของข่าวส่วนใหญ่จะยินดี เพราะไปเข้าประเด็นของอีกกรณีที่ได้รับการเผยแพร่กว้างไกลออกไป
ข่าวดีๆ ที่ทีนิวส์บอกว่าลอกไปแล้วได้รับการจดจำมาก
ก็ไม่ใช่อีกน่ะแหละ ในเมื่อทีนิวส์ลอกไปไม่ให้เครดิต นั่นเขาเรียกว่า ‘ขโมย’