วันอังคาร, กรกฎาคม 04, 2560

เอามาตรา ๔๔ มาใช้ทำให้การออกกฎหมายของตนเอง ‘ไร้ค่า’ หมดสิ้นความขลัง

โอ้โห เห็นรายชื่อทหารนั่งเป็นกรรมการในบอร์ดวิสาหกิจต่างๆ ของรัฐไทยแล้ว ไม่แปลกใจเลยทำไม คสช.ถึงด้านได้ ไม่ยอมไป

ในจำนวนรัฐวิสาหกิจ ๔๔ หน่วยงาน มีทหารเป็นประธาน หรือกรรมการทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า ๘๐ คน

เช่น ในการบินไทย ๖ คน ส่วนใหญ่ทหารอากาศ แต่ประหลาดมีตำรวจใหญ่เข้าไปนั่งในบอร์ดด้วย คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

ที่บริษัทอู่กรุงเทพฯ มากกว่าใคร ๘ คน แน่นอนเป็นทหารเรือทั้งแก๊งค์ ส่วนที่กองสลากฯ อันดับสาม มีทั้งทหารและตำรวจรวมกัน ๕ คน นำโดยนายพลแดง อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ ๑ ตัวเต็ง ผบ.ตร. ไม่ช้าก็เร็ว

สำหรับบริษัทท่าอากาศยานไทยนั้น มาครบสามเหล่าทัพ ๔ คน ทหารอากาศเอาไปสองตามฟอร์ม นอกนั้นสามบ้าง สองบ้าง กระจายกันไป จะเป็นการทางพิเศษ นิคมอุตสาหกรรม การประปา การไฟฟ้า การเคหะ การกีฬา และการจัดการน้ำเสีย

รวมทั้งที่บินเดี่ยวก็หลายแห่ง อาทิ การรถไฟ องค์การตลาด ยาสูบ เภสัชกรรม การยาง สะพานปลา ไปจนกระทั่งธนานุเคราะห์

เฉพาะที่ มะไฟ ไหชมพู @whatsapp4456 สัพยอกหยันๆ ว่า “นี่แหละประเทศไทย ประเทศที่ทหารอายุเกือบหกสิบอัพ เก่งแบบครอบจักรวาล สามารถบริหารได้ทุกบอร์ด” ฟังแล้ว irony ‘ตลกร้ายเสียนี่กระไร

หากดูจากที่ Pinkaew Laungaramsri นักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คอมเม้นต์ข่าว “ผวจ.เมียวดีข้องใจ จนท.ไทยรีดทรัพย์แรงงานพม่าขณะเดินทางกลับ” (https://www.matichon.co.th/news/594848) ว่า

ที่จะซบเซาหนักนอกจากธุรกิจต่างๆแล้ว สี่หน่วยงานหลักชายแดนของรัฐที่เคยมีรายได้ประจำจากส่วย และการรีดไถ น่าจะกุมขมับหนักอยู่ในขณะนี้

ช่วงนี้ จึงเป็นช่วงปล่อยผี เพราะไปข้างหน้า ไม่รู้ยังจะหากินแบบเก่าได้อีกหรือเปล่า” แล้วยิ่งเศร้า

เรื่องนั้นทำให้เห็นตำตาว่า คสช. บริหารประเทศ ห่วย ขนาดไหน ไม่เป็นแล้ว ลองผิดเสียละมากกว่า ลองถูก ออก พรก. แรงงานต่างด้าวมาสร้างความปั่นป่วน แล้วใช้อำนาจเผด็จการพยายามจะแก้

นี่ยืดเวลาชลอการบังคับใช้ ๔ มาตราออกไปเป็น ๖ เดือนถึงต้นปีหน้า มันแสดงให้เห็นอาการ ปัญญาอ่อน มากกว่าความสะเพร่า ไม่ดูอะไรให้ละเอียดแล้วยังมั่วซั่ว เอามาตรา ๔๔ มาใช้ทำให้การออกกฎหมายของตนเอง ไร้ค่าหมดสิ้นความขลัง

เช่นกันกับเรื่องรถขนส่งทัพบกพันกว่าคันถูกยักยอกผ่องถ่ายออกไปขาย นี่ก็อีกชนักปักหลังบิ๊กตูบ เที่ยวไปกล่าวหานักการเมืองคอรัปชั่น เหมือนดั่งสร้างปมเขื่องปิดบังความเสื่อมเน่าเฟะในตัวตนเอง

มันไม่ใช่เพียงพันเอก (ภพกฤต พันธ์ยศ) หนึ่งคนตบตาทหารทั้งกองทัพแน่ๆ ลองดูความเห็นที่ Pischuta Petsuwan ชี้แนะ

“กรณีทหารแอบขายรถได้เป็นพันคัน และมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องไม่กี่คนเป็นเรื่องปกติ แต่เขาไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้โดยลำพังหากนายไม่เห็นด้วย แน่นอน”

เธออ้างว่าในกรณีครุภัณฑ์ยานพาหนะขนส่ง การขายทอดตลาดมันมีหลายขั้นตอน แรกทีเดียวหน่วยงานเจ้าสังกัดจะต้องทำเรื่องแจ้งแก่กรมการขนส่ง จัดการโอนทะเบียนให้แก่ผู้ประมูลได้ แล้วนำเงินรายได้จากการจำหน่ายเข้าสู่วิธีงบประมาณ

เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่พัสดุต้องทำการจ่ายทรัพย์สิน (ที่ขาย) ออกจากทะเบียนครุภัณฑ์ และส่งรายงานแก่ผู้มีอำนาจลงนาม เช่นนี้ “แค่หนังสือที่ส่งไปขนส่ง จักต้องส่งไปพร้อมทะเบียนรถ เพื่อทำการโอน”

แค่นี้ขนส่งจะสามารถทราบได้ทันทีว่าเป็นทะเบียนสวม “เพราะขนส่งมีระบบออนไลน์ ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องทำเป็นขบวนการ รู้เห็นทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ขนส่ง

ลองหารายชื่อผู้ประมูลได้ อาจจะเป็นเครือญาติของพวกทหารด้วยซ้ำ”

(ดูรายละเอียดขบวนการปลอมชื่อเจ้ากรม “ขายรถทหารพันคัน ขส.ทบ.” ที่ https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_426590)

อีกรายนำโฆษณาขายรถจี๊บวิลลี่ออนไลน์มาให้ดู ราคาคันละ ๒๕๐,๐๐๐ บาท อ้างว่า “ประมูลซากมาจากกองทัพ ไม่มีเล่มเอกสาร สภาพเครื่องเดิม เกียร์ ๓ ก้าน ๓ เกียร์ วิ่งขับ ๔ ได้ปกติ”

นี่เป็นทั้งการกระทำฉ้อฉลและเหิมเกริมภายใต้อำนาจอิทธิพลของ คสช. ซึ่งขึ้นมาครอบครองประเทศด้วยการรัฐประหาร ซึ่งนับวันจะยิ่งทำกันโจ่งแจ้งเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อยๆ ควบไปกับการจับกุมคุมขังผู้เห็นต่าง

ดังที่เพิ่งมีการจู่โจมเข้าควบคุมตัวนักกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารและเรียกร้องประชาธิปไตย ๒ คน ต่างกรรม ต่างวัน

รายแรกนายเจริญชัย แซ่ตั้ง ถุกทหารสิบกว่าคนจู่โจมเข้าจับกุมโดยไม่มีหมาย นำตัวไปควบคุมไว้ที่ มทบ.๑๑ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม เนื่องจากเขาเคลื่อนไหวรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ มาเป็นเวลาหลายปีไม่หยุดหย่อน

อีกรายนายเอกชัย หงส์กังวาน ตามรายงานของ สุณัย ผาสุก @sunaibkk วันนี้

ด่วน! เอกชัย หงส์กังวาน ถูกอุ้มหายตัวไป หลังประกาศจะไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลและสำนักงานยูเอ็น ขอให้บรรจุวันที่ 24 มิ.ย.เป็นวันชาติ

เจ้าตัวโพสต์เฟชบุ๊คก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ว่ามีรถตู้ไปจอดหน้าบ้านเฝ้าดู มีทั้งทหารและเจ้าหน้าที่เขตบางกะปิ ๔ คน แล้วเดินไปหาเขา บอกว่าจะรับหนังสือเรียกร้อง ๒๔ มิถุนาเป็นวันชาติโดยตรงเลย

เอกชัยไม่ยอมให้ บอกแก่ทหารพวกนั้นว่าจะไปยื่นที่ทำเนียบเองวันรุ่งขึ้น พวกนั้นก็กลับไปนั่งเฝ้าต่อในรถ จนกระทั่งมีการจับกุมดังกล่าว


นี่ละปฏิบัติการณ์ข่มขู่ประชาชนของ คสช. ที่นับวันจะยิ่งถี่ยิบ จุกจิก และตามอำเภอใจ ไม่คำนึงหลักการใดๆ เสรีภาพปัจเจกชน สิทธิมนุษยชน หรือนิติธรรม มากยิ่งขึ้น เพราะแรงต้านร้อนรุ่มขึ้นแล้ว