ที่มา เวปพันทิป
คนอะไร
ถึงเวลาเกณฑ์ทหาร ก็ไม่ต้องเกณฑ์
ไม่ต้องเกณฑ์ไม่พอ
ยังเข้ารับราชการพลเรือนกลาโหมได้หน้าตาเฉย
เข้ารับราชการพลเรือนกลาโหมไม่พอ
วันดีคืนดีก็เอา สด.9 เท็จ เอาใบรับรองการผ่อนผันปลอม
ไปขึ้นทะเบียนเป็นนายทหารประดับยศร้อยตรีอย่างสุดเท่
จากข้าราชการพลเรือนก็เป็นข้าราชการทหารเต็มตัวในทันที
มียศร้อยตรีกระบี่ห้อยแบบชิว ๆ
ได้ยศร้อยตรีมา 35 วัน ก็ลาออกจากราชการ
ไม่ใช่ลาออกธรรมดานะครับ ลาออกล่วงหน้า 7 เดือน
คือยื่นใบลาออกเดือนกันยายน 2531
แต่ให้มีผลในเดือนเมษายน 2532
และระหว่างที่รอให้ใบลาออกมีผล ก็ลาราชการ
ด้วยการลากิจกว่าสองร้อยวัน
รับเงินเดือนฟรี ๆ ก่อนออกอยู่ 7เดือนเต็ม
ทำไมลาออกล่วงหน้าตั้ง 7 เดือน
ทำไมไม่ลาออกไปเลยง่าย ๆ จบเรื่อง
อ้าว ถ้าลาออกไปเลยง่าย ๆ
ก็จะไม่ครบระยะเวลาตามที่ระเบียบกำหนดน่ะสิ
เลยต้องลาล่วงหน้า 7 เดือนเพื่อให้ครบกำหนด
แปลว่า ระยะเวลาครบตามที่ระเบียบกำหนดในการรับราชการแทนการเป็นทหารเกณฑ์
แต่ในทางปฏิบัติ มีแค่ระยะเวลา
แต่ตัวบุคคล ลากิจ กินเงินเดือนฟรี
มีใครในโลกนี้ ที่ลากิจได้ 7 เดือน ?
ต่อให้คลอดลูกแฝดห้าก็เหอะ !!!
พอมาเป็นนักการเมือง ก็ได้รับความเมตตาอุ้มชูอย่างดี
จากเทพเจ้าชาวตรังที่ชื่อ ชวน หลีกภัย
ปี 2535 นายชวน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก
ก็อุ้มอภิสิทธิ์เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ. (โฆษกรัฐบาล)
ทั้งที่อภิสิทธิ์เพิ่งเป็น ส.ส. ปีแรกเท่านั้น
ปลายปี 2540 นายชวน หวนกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง
ก็อุ้มอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ด้วยเหตุผล รัฐธรรมนูญ 2540 ที่เพิ่งเสร็จใหม่ ๆ หมาด ๆ
กำหนดให้ผู้จะเป็นรัฐมนตรีต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี
ตอนนั้นอภิสิทธิ์อายุ 33 ปี
หากไม่ตั้งเป็นรัฐมนตรีตอนนั้น ต้องรอไปอีกสองปี
นายชวนเลยรีบอุ้มขึ้นเป็นรัฐมนตรีก่อน รธน.40 มีผลบังคับใช้
น่าอิจฉาชะมัด ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะอายุไม่ถึงเกณฑ์
ทีเรื่องอายุถึงเกณฑ์อย่างเกณฑ์ทหาร ดันไม่ต้องเป็น
ในปี 2542
นายกมล บันไดเพชร ฝ่ายกฎหมายพรรคความหวังใหม่
ก็ยื่นคำร้องเรียนต่อกระทรวงกลาโหม
ว่าอภิสิทธิ์หนีทหาร เข้ารับราชการโดยมิชอบ
ตอนนั้น นายชวน หลีกภัย เป็น รมว.กลาโหม
นายพลเขายายเที่ยงเป็น ผบ.ทบ.
ก็มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน
ผลก็คือ เจ้าหน้าที่ที่รับอภิสิทธิ์เข้าเป็นข้าราชการ
โดนสั่งลงโทษไปสองคน
เท่านั้น เท่านั้นจริง ๆ
เรื่องก็เงียบหายไปกับสายลม
ไม่มีอะไรระคายเคืองอภิสิทธิ์
จากโฆษกรัฐบาล
จากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
"ปี้จวน" ก็ส่งไม้ให้ไปต่อ
ด้วยการอุ้มขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ปี 2548 เป็นหัวหน้าพรรคปั๊บ
ก็ลงนามรับรองงบดุลพรรคทันที
ทั้งที่พรรคมีปัญหาเรื่องโกงเงินบริจาคที่รับจากทีพีไอ 258 ล้าน
และโกงเงินอุดหนุนพรรคการเมืองจาก กกต. 29 ล้าน
ซึ่งใคร ๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รอดยาก
โดนยุบพรรค ตัดสิทธิ์ทางการเมืองห้าปีแน่ ๆ
ที่ไหนได้ กกต. ดองเรื่องไว้เกือบสองปี
กว่าจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
พอถึงศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็บอกหน้าตาเฉยว่า
กกต.ส่งเรื่องช้า เกินกำหนด 15 วัน ยกคำร้อง
จบสนิท ไม่มีใครผิด
คนโกงเงินบริจาค โกงเงินอุดหนุนพรรคการเมืองก็ไม่ผิด
คนรับรองงบดุลพรรคก็ไม่ผิด คนส่งเรื่องช้าก็ไม่ผิด
ก็ยังดี ที่ไม่หันมาเอาเรื่องคนร้องเรียนว่าผิดซะเอง
แล้วก็มีคนอุ้มขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแสนเท่
ชื่อเสียงเกริกไกรเกียรติก้อง
ไม่ต้องลงทุนอะไรสักนิด แค่กอดกันกลมกันยี้ห้อยเท่านั้นเอง
ที่เหลือคนอื่นจัดการให้หมด
ทั้งยุบพรรคการเมืองซีกรัฐบาลเก่าสามพรรครวด
ชนิดแถลงปิดคดีเช้า ยุบบ่าย
ด้วยการอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคแบบผิด ๆ ถูก ๆ
ทั้งเรียกพรรคการเมืองที่จะต้องร่วมอุ้มอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ
เข้าไปเจรจากันในราบ 11 ห้ามบิดพลิ้ว
แถมระดับป๋ากะลาแลนด์แดนสลิ่มออกมารับประกันคุณภาพให้
ด้วยคำว่า "คนไทยโชคดี" และ "ผมเชียร์"
พอเป็นนายกฯ คนไทยก็โชคดีจริง ๆ ฟาดซะเกือบร้อยศพ
อัยการฟ้องต่อศาลอาญาในเรื่องฆ่าคนตาย
ศาลอาญาก็ไม่รับฟ้อง บอกต้องไป ป.ป.ช.
ป.ป.ช. ก็ลีลาลูกเล่นสารพัด
จนได้จังหวะ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ใกล้จะพ้นวาระ
ก็มีมติยกคำร้องทันที
ว่าไม่ผิดในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
แถมแจกแจงไปถึงเรื่องฆ่าคนตายว่าไม่ผิดไปด้วย
ทั้งที่เรื่องฆ่าคนตายไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.
ป.ป.ช. แถลงยกคำร้อง 29 ธ.ค. 58
พอ 30 ธ.ค. 58 ก็มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าฯ ป.ป.ช. ใหม่ 5 คน มาแทนคนเก่าที่พ้นวาระ
ตัวเป้ง ๆ ตัวดีทั้งนั้น ที่ยกคำร้องก่อนจาก
ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ
วิชา มหาคุณ
วิชัย วิวิตเสวี
ประสาท พงษ์ศิวาภัย
ภักดี โพธิศิริ
ยกคำร้องเสร็จ ก็ปัดตูดไป พ้นหน้าที่ ใครจะว่าอะไรได้
เป็นของขวัญปีใหม่ให้อภิสิทธิ์อย่างประทับใจ
ปี 2555 กระทรวงกลาโหมแสดงหลักฐาน
และมีคำสั่งปลดอภิสิทธิ์ออกจากราชการย้อนหลัง
ข้อหาทุจริตในการใช้เอกสารเป็นนายร้อยเก๊
เข้ารับราชการโดยมิชอบ หนีทหาร
สั่งปลดออกเสร็จ
กลาโหมก็ส่งเรื่องให้กองทัพบกเพื่อดำเนินการถอดยศร้อยตรี
และเรียกคืนเบี้ยหวัดเงินเดือน
แต่จนถึงวันนี้ กว่าสามปีแล้ว
กองทัพบกก็ไม่ดำเนินอะไร
ใครจะทำไม ?
อภิสิทธิ์ที่เคยแถในเรื่องนี้ ว่าไม่ได้หนีทหาร
ก็แถไม่ออก
เลิกแถ แต่หันไปห้องศาลปกครอง
ว่าคำสั่งปลดออกข้อหาทุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลปกครองก็แสนดี อภิสิทธิ์ยื่นคำร้องปั๊บ ก็รับเรื่องทันที
ทั้งที่เรื่องวินัยทหารไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
รับเรื่องไว้สองปี
ศาลปกครองถึงรู้ว่าไม่อยู่ในอำนาจของตัวเอง
บอกว่าต้องส่งเรื่องไปศาลยุติธรรม
ในระหว่างนี้
ปี 56 ก็มี ส.ส. เพื่อไทย ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ให้วินิจฉัยคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ของอภิสิทธิ์
ว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่
จากเหตุโดนสั่งปลดออกจากราชการฐานทุจริต
ศาลรัฐธรรมนูญ อุ้มอภิสิทธิ์ ไม่ยอมวินิจฉัย
อ้างว่าเพื่อความเป็นธรรม อภิสิทธิ์มีเรื่องร้องต่อศาลอยู่ รอก่อน
ทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลย คนละเรื่อง คนละศาล คนละประเด็น
แล้วพอยิ่งลักษณ์ยุบสภาฯ ไม่กี่วัน
ศาลรัฐธรรมนูญก็รีบจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบทันที
อ้างยุบสภาฯ แล้ว ไมมีเหตุให้ต้องวินิจฉัยต่อไป
เรื่องจากศาลปกครอง ถูกส่งมายังศาลแพ่งเมื่อกลางปี 57
29 ธ.ค. 58 ศาลแพ่งยกฟ้อง ศาลแพ่งพิพากษาว่า
คำสั่งปลดออกจากราชการฐานทุจริตนั้น ชอบด้วยกฎหมาย
อภิสิทธิ์บอก ยังไม่จบ ยังเหลือชั้นอุทธรณ์ และฎีกา
คำว่า “ความรับผิดชอบทางการเมือง ย่อมอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย“
ที่อภิสิทธิ์ใช้เล่นงานคนอื่นประจำ ใช้สำหรับคนอื่น ไม่ใช่สำหรับอภิสิทธิ์ !!!
ยัง ยังไม่พอ
5 มกราคม 2559
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานร่างรัฐธรรมนูญ
ที่จะร่างกำหนดห้ามคนเคยโดนไล่ออกจากราชการ โดนปลดออกจากราชการ ฐานทุจริต
ไม่ให้มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต
ออกมาพูดรับรองว่า อภิสิทธิ์ ไม่ขาดคุณสมบัติ
เพราะอภิสิทธิ์ไม่ได้ทุจริต
แค่คุณสมบัติการรับราชการไม่ถูกต้อง
ใครสงสัยคาใจก็ให้ไปร้องต่อ กกต.
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ที่ไล่เรียงมาทั้งหมด จะไม่ให้ผมอิจฉาอภิสิทธิ์ได้ไงล่ะครับ
ใคร ๆ ก็แย่งกันอุ้ม
ต่างกับยิ่งลักษณ์เหลือเกิน ที่ไม่รู้โดนอะไรต่ออะไรเข้าไป
ชนิดคนดูยังดูแทบไม่ทัน
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
จบด้วยสองเพลงนี้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=JyyhgaZ289A
https://www.youtube.com/watch?v=2y1iUyeK4fc
ปอลิง. แก้ไขข้อมูลเรื่องคดีปลดออกจากราชการที่เกี่ยวกับศาลนิดหน่อยครับ เพิ่งนึกได้ว่าข้อมูลผิด
ตอนตั้งทู้ มัวแต่พิมพ์ไปหล่อไป เลยผิด