อดีตรองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงปัจจัยที่ท้าทายเศรษฐกิจไทย ในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการบรรยายพิเศษ "บทบาทเศรษฐกิจไทยต่อประชาคมอาเซียน" ถึงปัจจัยที่ท้าทายเศรษฐกิจไทยว่า ปัจจุบันไทยไม่มียุทธศาสตร์ในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ขาดการลงทุนในนวัตกรรม โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ในสิงคโปร์ ที่มียุทธศาสตร์ในการสร้างนวัตกรรมอย่างชัด คือการรวมเอาเอสเอ็มอีทั้งประเทศมาพิจารณาว่าจะส่งเสริมสร้างนวัตกรรมใดได้บ้าง ซึ่งที่ผ่านมาไทยไม่มีตรงนี้ ไปเน้นที่เรื่องการให้เงินเพียงอย่างเดียว ทำให้ไม่เกิดการพัฒนานวัตกรรมอย่างที่ควร
ขณะที่ปัญหาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนกำลังแรงงาน ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ผลิตภาพแรงงานที่ต่ำ ปัญหาหนี้ครัวเรือน ระบบการศึกษา ระบบราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาด้วยเช่นกัน รวมถึงปัญหาไอเคโอ้ ปัญหาไอยูยู ปัญหาจากการที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้การเจรจากับต่างประเทศไม่สามารถทำได้ เช่น สหภาพยุโรป แม้จะประกาศว่าจะไม่เจรจาในระดับ Policy Maker แต่ในทางปฏิบัติก็ทราบกันดีว่าไม่เจรจากระทั่งระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วย
นอกจากนี้ ประชาคมอาเซียนยังมีปัญหาเรื่องการไว้เนื้อเชื่อใจกัน การเป็นเนื้อเดียวกัน เช่น ไทยยังมีความขัดแย้งกับอินโดนีเซียในเรื่องการทำประมง สิ่งที่เรียกว่าการเคลื่อนย้ายสินค้าเสรีคงไม่เกิดขึ้น ประชาคมการเมืองความมั่นคงอาเซียนจึงมีความสำคัญ มิฉะนั้นตลาดเสรีขนาด 6 ร้อยล้านคนคงไม่เกิดขึ้น