จากหน้ากระดาษว่างเปล่า ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
วันนี้ ฉันตัดสินใจส่งกระดาษคำตอบวิชาหน้าที่พลเมือง โดยที่ไม่ได้จรดปากกาลงเขียนอย่างอื่นนอกจากชื่อ-นามสกุล และเลขที่ของฉัน
ใช่ ฉันส่งกระดาษคำตอบอันว่างเปล่าให้อาจารย์
วิชาหน้าที่พลเมือง เป็นวิชาที่รัฐบาลเผด็จการของท่านบังคับให้พวกเราเรียน
เป็นวิชาที่เต็มไปด้วยการยัดเยียดแนวคิดแบบเดียว และปฏิเสธการโต้แย้งแสดงความเห็นต่างตามวิถีประชาธิปไตย
ในข้อสอบข้อหนึ่ง..กลุ่มนักศึกษาถูกโจมตีให้กลายเป็นกลุ่มเยาวชนที่ต่อต้านและมุ่งทำลายความเป็นไทย
ความมุ่งมั่นของประชาชนที่ร่วมลงชื่อเรียกร้องการปล่อยตัวถูกลดทอนให้กลายเป็นช้อยส์ที่ผิดข้อหนึ่ง และเป็นเพียงการกระทำที่ไม่ส่งเสริมความเป็นไทยเท่านั้น
ฉันไม่สามารถบังคับตัวเองให้เขียนในสิ่งที่ฉันไม่เชื่อได้
ฉันไม่สามารถบังคับตัวเองให้กากบาทลงช่องสี่เหลี่ยม เพื่อตอบชุดคำถามที่ชี้นำ และโจมตีเพื่อนของฉันที่ถูกจับเข้าคุกนานนับสิบวันได้
เนื้อหาในวิชาหน้าที่พลเมือง ล้วนออกแบบมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการผูกขาดความดีงามของพวกท่านผ่านการยัดเยียดค่านิยม12ประการ
พวกท่านเป็นคณะรัฐบาลเผด็จการที่ไม่มีแม้ความชอบธรรมในการปกครอง แต่กลับพยายามตั้งตนเป็นนักบุญผู้มีสิทธิ์ขาดในการชี้ถูกผิดให้กับประชาชนทั้งประเทศ
บังคับให้เหล่านักเรียนผู้ไม่มีทางเลือกท่องค่านิยมเหล่านั้นแบบนกแก้วนกขุนทอง
ท่านบัญญัติค่านิยม12ประการขึ้นมาเพื่อกะเกณฑ์ศีลธรรมของสังคม
แต่ท่านดีพอแล้วหรือ ที่จะมาสั่งสอนประชาชน บังคับให้พวกเราเห็นดีเห็นงามไปกับท่าน?
หนึ่งปีที่ผ่านมา เพียงพอแล้วหรือยังที่จะพิสูจน์ความบกพร่องในหน้าที่ของท่าน?
ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เศรษฐกิจได้รับความเสียหาย แต่ท่านก็ยังไม่ตระหนักถึงความบกพร่องของตนเอง กลับเทศนาสั่งสอนคนอื่น ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าประชาชนธรรมดาทั่วไปเลย
ฉันปฏิเสธการสอบวิชาหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่เพื่อที่จะคัดค้านหลักการบางประการของค่านิยมชุดนั้น เพราะหลายข้อก็เป็นคุณค่าที่ได้รับการยอมรับอย่างสากลอยู่แล้ว
แต่ฉันปฏิเสธการปลูกฝังชุดความคิดแบบเดียวผ่านระบบการศึกษา และการพยายามตั้งตนเป็นคนดีมีศีลธรรมสูงส่ง และยัดเยียดคำสอนของตนให้ผู้อื่น แบบที่พลเอกประยุทธ์กำลังกระทำอยู่
กลุ่มคนที่เดือดร้อนที่สุดจากการยัดเยียด ก็คือเด็กนักเรียนซึ่งไม่มีปากเสียงใดๆ ในระบบการศึกษาของประเทศแห่งนี้
พวกเราต้องจำยอมท่องจำคำสอนจากคนที่เราไม่เห็นด้วย เพียงเพื่อแลกเศษคะแนน ที่เปรียบเสมือนคำพิพากษาอนาคตของพวกเรา
ฉันเชื่อว่า ฉันไม่ใช่เพียงคนเดียวที่รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศเช่นนี้
แต่ฉันอาจเป็นเพียงคนเดียว ที่ปฏิเสธการสอบวิชานี้ด้วยเหตุผลทางมโนธรรม เพื่อส่งสาสน์ไปถึงผู้มีอำนาจของประเทศ
สาสน์ของฉันมีเพียงสั้นๆเท่านั้น:
"ฉันไม่ยอมรับการผูกขาดทางศีลธรรมโดยเผด็จการ"
เนื่องจากการกระทำครั้งนี้เป็นการแสดงเจตจำนงค์ที่ผ่านการไตร่ตรองมาดีแล้ว ฉันยินดีที่จะถูกปรับคะแนนเป็นศูนย์สำหรับการสอบครั้งนี้ และดำเนินการตามระเบียบแผนของนักเรียนทั่วๆ ไปที่สอบตก
ฉันยังมีความเคารพแด่อาจารย์ที่ฉันนับถือตลอดมา การแสดงเจตนารมณ์ครั้งนี้จึงไม่ใช่การต่อต้านท่าน เหตุเพราะฉันไม่มีความเกลียดชังใดๆ ต่ออาจารย์หลายท่านที่มีความเปิดกว้างและยอมรับการแลกเปลี่ยนความเห็นกับฉันเสมอมา
ท้ายที่สุด ฉันขอสารภาพว่า ในตอนแรกฉันมีความคิดที่จะทำข้อสอบตามปกติ และเขียนในสิ่งที่ตนไม่ได้เชื่อ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาและใช้ชีวิตมัธยมปีสุดท้ายอย่างราบรื่น
แต่ฉันไม่อาจทรยศต่อความเชื่อของตนเอง รวมถึงอีกหลายพันคนที่ร่วมลงชื่อคัดค้านค่านิยม12ประการในแคมเปญของกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทเมื่อปีที่แล้วได้
ฉันจึงกระทำอารยะขัดขืน และได้เขียนบันทึกนี้ไว้เพื่อแสดงความคิดอ่าน และเจตนารมณ์ของฉัน ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
ด้วยรัก
ณัฐนันท์
จากมติชนออนไลน์
Credit James Walsky