เฮ้อ คนนึง ‘สันขวาน’ อีกคนก็ ‘หอกหัก’ โมกขศักดิ์เสียด้วย พยายามจะไล่เช็คบิลเด็กๆ กัน แต่ดันปล่อยขี้เท่อ มันน่าถอนหงอกอีกแระ นี่กำลังขยับเก็บเรื่องตู่ไปเยี่ยมสื่อดิจิทัลมาเล่า อ้าว ‘แดงหย่าย’ ทิ้งบอมบ์ ที่วาสนา นาน่วม บอก “ทิ้งระเบิดอีกลูกใส่พวกชังชาติ”
บอมบ์ที่ว่านั่นผายทางปาก แค่แก๊สไข่เน่าไม่ถึงหมายเลข ๑ หรือหมายเลข ๒ (ไอ้หมายเลขนี่สำนวนฝรั่งอะ) “พลเอกอภิรัชต์ (คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.) กล่าวว่าโควิดฯ เป็นแล้วหายรักษาได้ แต่โรคชังชาติเป็นแล้วไม่หาย” เพราะว่า
“พวกชังชาติบ้านเมืองของตัวเองไม่สำนึกบุญคุณแผ่นดินเกิด”
คงไม่หมายถึงเด็กสาว ‘ลูกครึ่ง’ สามคนที่ Pravit Rojanaphruk เอารูปมาทวี้ต บอก “ไม่เอา
#ประยุทธ์ และไม่เอา #ม๑๑๒” เด็กเหล่านี้อาจเกิดเยอรมนีมาโตไทยก็ได้นะ
Anyhow ‘พี่หย่าย’ ผู้นัมพ์พยายามจะทำดีให้เป็นประชาธิปไตย ออกเยี่ยมเยือนฟังความเห็นของบรรดาสื่อดิจิทัล ตอนนี้ไปถึง ‘เดอะสแตนดาร์ด’ เขาถามทั่นว่าจะจัดการปัญหาเรื่องเสียงด่า ‘หยุดคุกคามประชาชน’ ได้อย่างไร
หูย ตอบเป็นวรรคเป็นเวรว่าไอ้ที่ตำรวจบ้าง นอกเครื่องแบบบ้างถ่อไปถึงบ้านนักเรียนนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมเรียกร้อง ‘ประยุทธ์ออกไป ยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญ’ กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันขณะนี้นั้น “เขาไปคุย ว่าอย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม”
“พยายามบอกว่า อย่าไปเยอะ” โอ้โหตั้ง ๕-๖ คน “เขาก็กลัวสิ คือถ้าไม่อย่างนั้น เด็กถูกดำเนินคดีเลยนะ” อุต๊ะ แถอีก “ไปคุยกับเขาคนเดียวสองคน ใช้ฝ่ายความมั่นคงเตือน” หลายรอบแล้วด้วย “แต่บางทีก็แห่กันไป” พวกสะแตนดาดปล่อยก๊ากขำกลิ้ง
ก็นี่ไง สื่อรุ่นใหม่เผือกถามไม่ตรงคำตอบ Sorasak @sorasakduke ถึงว่า “ไม่มีทางที่จะฝนสันของขวานให้คมได้ฉันใด” ไอ้คนถือหอกก็ฉันนั้น ดันพุ่งหลาวเข้าหน้าผา ถ้าไม่หัก เดี๋ยวเกิดบูมเมอแรงกลับล่ะ ได้หลั่งน้ำตาเพราะลืมหยอดยากันอีก
บ้านเมืองเดี๋ยวนี้มันเป็นหยั่งงี้แหละเพื่อนเอ๋ย พวกล่างๆ ระดับลิ่วล้อลงมาก็พอกัน อัยการแถกดันไปอย่างด้านๆ สรุปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งโต๊ะแถลงเป็นชั่วโมง รวบยอดได้เพียงว่า “ก็ไม่ฟ้องอะ” มีคนบอกเดี๋ยวรอถึงตาตำหวดแถลงบ้าง
แต่ยังก่อน พอดีเจอเรื่องยิงกันตายคาบ่อนที่ช่องนนทรี นัยว่าเป็นสถานที่ของเฮียตี้ “มีประตูเหล็กเข้าออกอย่างมิดชิด และมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้หลายตัวรอบบริเวณ” ผบ.นครบาลรุดไปตรวจสถานที่เกิดเหตุแล้วดอดออกประตูหลัง
ทราบว่าคนตายสี่ ชายสองหญิงสอง หนึ่งในศพชายเป็นนายตำรวจยศผู้พันเรียกกันว่า ‘สารวัตรแม็กซ์’ “ก่อนเกิดเหตุมีหนุ่มชาวจีนนำอาวุธปืนออกมาข่มขู่ทวงเงินคืน เนื่องจากถูกโกงเงินไป” ข่าวสดรายงานว่าผู้พันเข้าไปเจรจา “แต่ตกลงกันไม่ได้” จึงถึงกับยิงกัน
ผู้คนเลยถามกันแซ่ดว่า เอ๊ะ บ่อนสไตล์คาบาร่าขนาดสี่คูหา จุคนได้ไม่น้อยกว่า ๖๐ (ขณะเกิดเหตุ) มีทั้งกำถั่วและตู้เกมส์ ไฉนมีตำรวจเข้าไปไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทของคนที่เล่นเจ๊งด้วยล่ะ อะไรมันจะรุดไปเจรจาว่องไวขนาดนั้น ถ้าไม่ได้กำลัง ‘คุม’ อยู่
มันเป็นทีเด็ดของ ‘ผู้พิทักษ์ฯ’ ตรงที่เมื่อ ผบ.เจอนักข่าวเซ้าซี้ถามมีเบาะแสคนร้ายที่หนีไปบ้างไหม ทั่นตอบว่ายังตอบไม่ได้เพราะในสถานที่ไม่ได้ติดตั้งซีซีทีวี ตานี้ประชากรไซเบอร์ขำก๊ากสิ ไอ้สี่กล้องที่ติดอยู่เป็นแค่ ‘decoys’ หุ่นไล่กาแบบของ กทม.เหรอ
(https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_4638829)
ยังมีอีก จากตำหวดก็ไปยัง ‘คุณครู’ ผู้มีความจงรักภักดีต่อพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ล้นหลาม อึดอัดขัดข้องเป็นอย่างยิ่งเมื่อเด็กๆ (ม.๔) เที่ยวไล้ค์เที่ยวแชร์ข้อวิพากษ์วิจารณ์สถาบันประมุขกันเกรียว ‘Kru Mon Bio’ จึงเข้าไปสอนสั่งเด็กในโซเชียลฯ
เด็กก็เลยเออครับ ‘ทรงพระเจริญ’ ด้วย แต่ไม่แค่นั้น ดันเติมสร้อย “ยิ่งยืนนาน ยิ่งปวดขา” ครูมลไบโอก๊อ ‘meltdown’ ฟูมฟายสิ “จะไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย” เท่านั้นไม่พอ ครู ‘PONRAWIN’ จะไปฟ้อง ‘เนชั่น’ ด้วยน่ะ
แบบนี้ ‘civility’ การรู้ผิดชอบชั่วดีมีอารยะสากลในสังคมชักจะไม่เหลือแล้ว ความคลั่งไคล้ใหลหลงบวกกับอำนาจนิยม กำลังทำให้พวกที่หลงผิดว่าตนนั้นเหนือกว่า (ตั้งแต่หัวถึงหาง) ใช้การฟาดฟันห้ำหั่นเป็นสรณะ มุ่งแต่เอาชนะคะคานไม่เหลียวฟังใดอื่นนอกกะลา
นี่คือแรงกดอันทำให้เกิดแรงดันกลับตามหลักกลศาสตร์ คอยดูสิ จะมีคนกล้าพูดกล้าโต้แย้งอย่างอานนท์ ออกมากันเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย จนถึงจุดหนึ่งซึ่งต้อง ‘ระเบิด’