ศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง
7 hrs ·
.
จดหมายถึงคุณโฆษก
.
ในฐานะของคนธรรมดาที่ต้องตกอยู่ภายใต้การขู่ขวัญถึงการแพร่กระจายของโรคระบาดมามากกว่าสี่เดือน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมได้พยายามปฏิบัติตามคำตักเตือนของคุณโฆษกอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือ ใส่หน้ากากในการไปซื้อของ กินข้าว ซื้อกาแฟ แทบทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ด้วยความหวังว่าจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยป้องกันไม่ให้โรคระบาดแพร่กระจาย
.
ไม่ใช่เพียงการปฏิบัติตัวเองเท่านั้น ผมยังเรียกร้องให้คนใกล้ตัวก็ต้องมีความระมัดระวังในลักษณะเดียวกัน ทั้งด้วยการกดดันทางตรงและทางอ้อม เพราะเข้าใจดีว่าโรคระบาดแบบไวรัสโควิดสามารถแพร่กระจายได้อย่างง่ายดาย ทุก ๆ คนจึงควรต้องมีส่วนรับผิดชอบ ขอย้ำว่าทุก ๆ คนมีส่วนรับผิดชอบอย่างเสมอภาคในการปฏิบัติตามกระบวนการป้องกันและคัดกรองตามมาตรการทางการแพทย์
.
แต่ในห้วงระยะเวลาประมาณไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้เห็นภาพและเสียงอย่างชัดเจนว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจำนวนไม่น้อยเลย สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้ด้วยอภิสิทธิ์บางประการ โดยไม่จำเป็นต้องมีการกักตัว บ้างก็ไม่มีการตรวจสอบ (ด้วยการอ้างข้อยกเว้นทางกฎหมายแบบง่าย ๆ ราวกับว่าโรคนี้จะระบาดก็กับเฉพาะพวกสามัญชน แต่ไม่รวมไปถึงพวกอภิสิทธิ์ชน) แต่ก็ไม่เห็นคุณโฆษกมีความเห็นอะไรออกมาให้ชัดเจนเลย
.
อาจพอเข้าใจได้ว่าคุณโฆษกคงไม่มีอำนาจหรือความกล้าในการไปบังคับมาตรการทางการแพทย์กับ “คนเหล่านั้น” แต่การที่ยังคงทำหน้าที่ปกป้องราวกับว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงความผิดเล็กน้อย ทำให้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าปัญหาในการควบคุมโรคระบาดในสังคมไทยที่แท้จริงแล้วไม่ใช่การไร้วินัยของประชาชน หากแต่เป็นปัญหา “สองมาตรฐาน” จากอำนาจรัฐมากกว่า
.
หากความจำไม่สั้นจนเกินไปนัก จำได้หรือไม่ว่าการแพร่กระจายของไวรัสโควิดในรอบแรกในสังคมไทยก็มาจากเหตุของอภิสิทธิ์ชนบางกลุ่ม ซึ่งจนบัดนี้ก็ไม่เห็นมีใครต้องถูกลงโทษจากการฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐบาล มีแต่ประชาชนที่ต้องตกทุกข์ได้ยากกันอย่างยาวนานในช่วงการปิดบ้านปิดเมืองท่ามกลางการเยียวยาที่ไร้ประสิทธิภาพ
.
ผมสงสัยจริงว่าเรายังคงควรเชื่อฟังคุณโฆษกอย่างเซื่อง ๆ อีกหรือ ก็ในเมื่อที่พูดมาทั้งหมดนั้นไม่ได้ใช้บังคับกับทุกคนอย่างจริงจัง
.
ในวันที่อภิสิทธิชนติดเชื้อจากไวรัสโควิด
13 กรกฎาคม 2563
https://www.facebook.com/SMUCHACMU/posts/3070133579773447