วันเสาร์, กรกฎาคม 04, 2563

ทำเป็นฉุน "อย่าดูถูกสติปัญญากันมากนัก" ทั้งที่ความจริงเห็นประจักษ์ "เป็นผีปอบสวาปามงบประมาณอย่างมูมมาม"


มีนายกฯ เผด็จการ ฝึกงานประชาธิปไตย (ครึ่งใบ แถมชื่อท้ายยาว) ก็งี้ละ เหมือนเด็กดื้อโตมากับสภาพแวดล้อมแบบคอยเห่าใส่ให้กลัวเกรง พอโดนไล่เบี้ยเป็นชุด อดฉุนไม่ได้ก็พาลพาโล “ระวังตัวบ้างก็แล้วกัน”

แค่จะบอกว่า “กฎหมายมีผลบังคับใช้กับทุกคน...(แต่) บางคนมองกฎหมายเป็นศัตรูทุกกฎหมาย เรื่องตอบคำถามตนขี้เกียจตอบแล้ว” แล้วไฉนต้องวางก้ามทำใหญ่ “พูดอย่างเดียวไม่ได้ ท่านต้องหาวิธี ไม่ใช่ใช้การท้าทาย” ก็คงต้องพินอบพิเทาเท่านั้นสิ

พูดแบบนั้นแล้วสะบัดก้นออกไป จึงได้มีการประท้วงขนานใหญ่ จากพรรคก้าวไกลที่อภิปรายถึงก้นบึ้งของแผนการกู้เงินมหาศาลและเตรียมการใช้จ่ายอย่างเหลวไหลโดยรัฐบาล ด้วยงบประมาณปี ๖๔ ที่สภาผ่านร่างฉลุยวานนี้

เพราะการอภิปรายโดย ส.ส.มือใหม่ฝ่ายค้าน สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ พูดถึง “งบก่อสร้างถนนในภาคใต้และสนามบินตรัง ซึ่งไม่ควรเป็นไปในลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอา...อยากจะสร้างแต่ถนน จะกินหัวคิวกันหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้สึกว่า “เป็นการพูดจาดูถูก เสียดสีสติปัญญา เหยียดหยาม...ผมไม่ใช่คนฉลาดน้อยที่จะทำอะไรผิดพลาดอย่างที่ถูกกล่าวหา จึงขอให้อย่าดูถูกสติปัญญากันมากนัก” ประยุทธ์ยังยืนยันพร้อมที่จะปรับแก้ ไม่ได้ชอบทำอะไรโง่ๆ นะ

ส่วนที่ประยุทธ์อ้างว่า “ตอบซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ...ตอบไป เดี๋ยวคำถามเดิมก็กลับมาอีก แล้วก็โจมตีแต่เรื่องเดิมๆ” นั่นคงเป็นเพราะพวกค้านไม่ได้ถามให้ตรงกับคำตอบละมัง เนื่องจากความจริงแผนการใช้เงินของประยุทธ์ในปีหน้าไม่ใช่แค่ ๓.๓ ล้านล้าน

ยังมีงบฯ ของปี ๖๓ โอนไปไว้ใช้เฉพาะเรื่องโควิด-๑๙ อีก ๓.๒ ล้านล้าน กับจากที่จะได้จาก พรบ.เงินกู้ ๓ ฉบับวงเงิน ๑.๙ ล้านล้าน ซึ่งประยุทธ์พยายามแก้ตัวว่ากู้ใหม่เพียง ๑ ล้านล้านเดียว นอกนั้นเป็นเรื่องเครดิตค้ำประกัน ผันไปผันมาในกระเป๋าแบ๊งค์ชาติ
 
สิ่งที่ประยุทธ์ไม่พูดถึงเพราะคำถามไม่ตรงคำตอบอยู่ที่ งบกลางที่รัฐบาลควักใช้ได้ตามอำเภอใจ ในปี ๖๔ มีถึง ๖๑๔,๖๑๖ ล้านบาท ขณะที่ก็มีงบประมาณเพื่อการฉุกเฉินและจำเป็นอยู่แล้ว ของปี ๖๔ ตั้งไว้ ๙๙,๐๐๐ ล้านบาท ส่วนปีนี้อยู่ที่ ๙๖,๐๐๐ ล้านบาท

จำกันได้นะว่าเหตุผลที่ประยุทธ์อ้างต้องมีการกู้เงินระลอกใหม่เพราะงบกลางใช้ไปเกือบหมดแล้ว โดยไม่ได้บอกว่าใช้อะไรบ้าง จะอ้างโควิดหรืออ้างเยียวยาเหล่านั้นก็มักจะมีงบประมาณในสัดส่วนเพื่อการนั้นรองรับอยู่  อำพรางก็ตรงที่ใช้งบกลางหมดได้อย่างไร

เรื่องของเรื่องอยู่ที่ ขณะเงินคลังร่อยหรอไม่ค่อยจะมีจนต้องทำการกู้เพิ่ม แต่รัฐบาลมีเงินในมือไว้ใช้จ่ายมากมาย โดยที่นอกจากฝ่ายค้านอภิปรายท้วงติงในสภาแล้ว ต่อไปไม่สามารถตรวจสอบกระบวนการใช้เงินนั้นได้ จนกว่าจะต้องกู้ใหม่เหมือนที่ผ่านมา ๕-๖ ปี

ย้อนไป ๖ ปีก่อนถึงงบประมาณ ๒๕๖๔ รัฐบาลประยุทธ์ใช้เงินของรัฐไปแล้วทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า ๑๘ ล้านล้านบาท งบประมาณแต่ละปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คั้งแต่ ๒.๖ ล้านล้านในปี ๕๘ เป็น ๓.๓ ล้านล้านในปี ๖๔ แล้วยังมีงบกลางปีอีก ๓ ครั้ง

งบกลางปีรวมเกือบ ๔ แสนล้านบาท มาจากปี ๕๙ รายจ่ายเพิ่มเติม๕ หมื่น ๙ พันล้าน พอปี ๖๐ ขยับไป ๑ แสน ๙ หมื่นล้าน ถึงปี ๖๑ งบเพิ่มเติมน้อยลงไปหน่อย แต่ก็ยังคงระดับ ๑ แสน ๕ หมื่นล้าน ดั่งว่าพอ คสช.ยึดอำนาจได้ก็ตะบันใช้เงินกันสนุก


ฉะนั้นฉายา นักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยานั่นน้อยไป ไม่ได้กระผีกลิ้นความจริงที่ได้เห็นเป็นประจักษ์กันแล้วตลอด ๖ ปีที่ผ่านมา ว่าคณะยึดอำนาจที่สืบทอดกันมาอยู่ขณะนี้ เป็นผีปอบสวาปามงบประมาณอย่างมูมมาม ทั้งที่ไม่มีปัญญาหาเงินมาชดเชยได้