มีนายกฯ เผด็จการ ฝึกงานประชาธิปไตย
(ครึ่งใบ แถมชื่อท้ายยาว) ก็งี้ละ เหมือนเด็กดื้อโตมากับสภาพแวดล้อมแบบคอยเห่าใส่ให้กลัวเกรง
พอโดนไล่เบี้ยเป็นชุด อดฉุนไม่ได้ก็พาลพาโล “ระวังตัวบ้างก็แล้วกัน”
แค่จะบอกว่า “กฎหมายมีผลบังคับใช้กับทุกคน...(แต่)
บางคนมองกฎหมายเป็นศัตรูทุกกฎหมาย เรื่องตอบคำถามตนขี้เกียจตอบแล้ว”
แล้วไฉนต้องวางก้ามทำใหญ่ “พูดอย่างเดียวไม่ได้ ท่านต้องหาวิธี
ไม่ใช่ใช้การท้าทาย” ก็คงต้องพินอบพิเทาเท่านั้นสิ
พูดแบบนั้นแล้วสะบัดก้นออกไป จึงได้มีการประท้วงขนานใหญ่
จากพรรคก้าวไกลที่อภิปรายถึงก้นบึ้งของแผนการกู้เงินมหาศาลและเตรียมการใช้จ่ายอย่างเหลวไหลโดยรัฐบาล
ด้วยงบประมาณปี ๖๔ ที่สภาผ่านร่างฉลุยวานนี้
เพราะการอภิปรายโดย ส.ส.มือใหม่ฝ่ายค้าน
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ พูดถึง “งบก่อสร้างถนนในภาคใต้และสนามบินตรัง ซึ่งไม่ควรเป็นไปในลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอา...อยากจะสร้างแต่ถนน
จะกินหัวคิวกันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ทำให้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้สึกว่า “เป็นการพูดจาดูถูก เสียดสีสติปัญญา
เหยียดหยาม...ผมไม่ใช่คนฉลาดน้อยที่จะทำอะไรผิดพลาดอย่างที่ถูกกล่าวหา
จึงขอให้อย่าดูถูกสติปัญญากันมากนัก” ประยุทธ์ยังยืนยันพร้อมที่จะปรับแก้ ไม่ได้ชอบทำอะไรโง่ๆ
นะ
ส่วนที่ประยุทธ์อ้างว่า
“ตอบซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ...ตอบไป
เดี๋ยวคำถามเดิมก็กลับมาอีก แล้วก็โจมตีแต่เรื่องเดิมๆ” นั่นคงเป็นเพราะพวกค้านไม่ได้ถามให้ตรงกับคำตอบละมัง
เนื่องจากความจริงแผนการใช้เงินของประยุทธ์ในปีหน้าไม่ใช่แค่ ๓.๓ ล้านล้าน
ยังมีงบฯ ของปี ๖๓ โอนไปไว้ใช้เฉพาะเรื่องโควิด-๑๙
อีก ๓.๒ ล้านล้าน กับจากที่จะได้จาก พรบ.เงินกู้ ๓ ฉบับวงเงิน ๑.๙ ล้านล้าน
ซึ่งประยุทธ์พยายามแก้ตัวว่ากู้ใหม่เพียง ๑ ล้านล้านเดียว
นอกนั้นเป็นเรื่องเครดิตค้ำประกัน ผันไปผันมาในกระเป๋าแบ๊งค์ชาติ
สิ่งที่ประยุทธ์ไม่พูดถึงเพราะคำถามไม่ตรงคำตอบอยู่ที่
‘งบกลาง’ ที่รัฐบาลควักใช้ได้ตามอำเภอใจ
ในปี ๖๔ มีถึง ๖๑๔,๖๑๖ ล้านบาท
ขณะที่ก็มีงบประมาณเพื่อการฉุกเฉินและจำเป็นอยู่แล้ว ของปี ๖๔ ตั้งไว้ ๙๙,๐๐๐
ล้านบาท ส่วนปีนี้อยู่ที่ ๙๖,๐๐๐ ล้านบาท
จำกันได้นะว่าเหตุผลที่ประยุทธ์อ้างต้องมีการกู้เงินระลอกใหม่เพราะงบกลางใช้ไปเกือบหมดแล้ว
โดยไม่ได้บอกว่าใช้อะไรบ้าง จะอ้างโควิดหรืออ้างเยียวยาเหล่านั้นก็มักจะมีงบประมาณในสัดส่วนเพื่อการนั้นรองรับอยู่
อำพรางก็ตรงที่ใช้งบกลางหมดได้อย่างไร
เรื่องของเรื่องอยู่ที่ ขณะเงินคลังร่อยหรอไม่ค่อยจะมีจนต้องทำการกู้เพิ่ม
แต่รัฐบาลมีเงินในมือไว้ใช้จ่ายมากมาย โดยที่นอกจากฝ่ายค้านอภิปรายท้วงติงในสภาแล้ว
ต่อไปไม่สามารถตรวจสอบกระบวนการใช้เงินนั้นได้ จนกว่าจะต้องกู้ใหม่เหมือนที่ผ่านมา
๕-๖ ปี
ย้อนไป ๖ ปีก่อนถึงงบประมาณ ๒๕๖๔
รัฐบาลประยุทธ์ใช้เงินของรัฐไปแล้วทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า ๑๘ ล้านล้านบาท
งบประมาณแต่ละปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คั้งแต่ ๒.๖ ล้านล้านในปี ๕๘ เป็น ๓.๓
ล้านล้านในปี ๖๔ แล้วยังมีงบกลางปีอีก ๓ ครั้ง
งบกลางปีรวมเกือบ ๔ แสนล้านบาท มาจากปี ๕๙ ‘รายจ่ายเพิ่มเติม’ ๕ หมื่น ๙ พันล้าน พอปี ๖๐ ขยับไป
๑ แสน ๙ หมื่นล้าน ถึงปี ๖๑ งบเพิ่มเติมน้อยลงไปหน่อย แต่ก็ยังคงระดับ ๑ แสน ๕
หมื่นล้าน ดั่งว่าพอ คสช.ยึดอำนาจได้ก็ตะบันใช้เงินกันสนุก
(https://www.prachachat.net/politics/news-484795, https://www.bbc.com/thai/thailand-53277062?at_custom4=F6190920-BD22,
https://www.matichon.co.th/politics/news_2253749 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2253730)
ฉะนั้นฉายา ‘นักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา’
นั่นน้อยไป ไม่ได้กระผีกลิ้นความจริงที่ได้เห็นเป็นประจักษ์กันแล้วตลอด
๖ ปีที่ผ่านมา ว่าคณะยึดอำนาจที่สืบทอดกันมาอยู่ขณะนี้ เป็นผีปอบสวาปามงบประมาณอย่างมูมมาม
ทั้งที่ไม่มีปัญญาหาเงินมาชดเชยได้