“การซื้อแท็บเล็ตครั้งนี้
อย่าเอาเรื่องในอดีตมากำหนดอนาคตการเรียนการสอนของนักเรียน” ถ้าจะบอกว่าไม่ได้เลียเสลดที่ถ่มออกไป
ก็ไม่ว่าไร เพราะสัจจธรรมย่อมเกิดแก่ใจในภายหลังได้ คนแถวๆ บ้านทั่น ‘ตาสว่าง’ กันก็ถมไป
แน่นอนละ “การพิจารณาครั้งนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เพราะจำเป็นต้องเรียนออนไลน์” แล้วใครล่ะที่มักนำอดีตมาผูกมัดกับอนาคต ไม่ใช่
กปปส.หรอกหรือ ฤๅทั่นต้องการบอกกับพวกพ้องและสาวก ‘นกหวีด’ ของตนต่างหาก
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาฯ
ได้รับไฟเขียวจากนายกฯ ให้จัดหาจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนออนไลน์ เฉกเช่นที่นานาประเทศอารยะเขาทำกันในภาวะวิกฤตโรคระบาดของไวรัสสายพันธุ์โคโรน่า
ก็น่าจะเดินมาถูกทางแล้วไฉนต้อง ‘ห่วงหลัง’
อันที่จริงประเทศไทยก็เคยเกือบจะอารยะอย่างนั้นมาก่อน
แต่พวกทั่นมิใช่หรือที่ก่อหวอดสร้างสถานการณ์ยึดอำนาจ ตัดอนาคตชาติกลับไปหาอดีตยุค
‘ลูกรังยังไม่หมด’ ดูแล้วเวทนาที่สลัดเมือกไม่พ้นตัว
สถานการณ์กำหนดต้องทำ แต่ยังพะว้าพะวัง
โอดว่า “หากนำอดีตมาผูกกับการขับเคลื่อนของ
ศธ. แปลว่านักเรียนจะไม่มีวันได้รับแท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปเลย”
เหมือนตอนที่พวกทั่นเอาคนที่ ‘กินปลามัน’ ขึ้นเสลี่ยงหามมาครองเมือง สั่งยับยั้งการเดินทางไปสู่อนาคตของเด็กนักเรียนไทย
ถ้าจะก้าวกระโดดข้ามไปถึงระยะฟื้นฟูหลังโควิด-๑๙
ที่คงอีกนานพอดู จนปลายปีไม่รู้จะได้ไหม ถ้าหากพระสยามเทวาธิราชแผลงฤทธิ์ให้โควิดอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
ตลอดสามเดือนข้างหน้า ขนาดถึงจุดนี้ที่ว่าดีหนักหนากว่าอีกหลายๆ ประเทศแล้วนะ
‘เรื่องเล่าเช้านี้’ (๙ เมษา) เขายังบอกว่า “คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน
๓ สถาบัน คาดพิษโควิด-๑๙ กระทบเศรษฐกิจไทยหลักล้านล้านบาท รุนแรงกว่าต้มยำกุ้ง
ส่งผลต่อประชาชนทุกระดับ ประเมินภายใน มิ.ย.นี้จะมีคนตกงาน ๗.๑๓ ล้านคน
ก็คงรอรับแจกกันต่อ อีกเจ็ดล้านกว่าๆ
รายพอไหว ในคลังมีเงินไม่พอกู้เพิ่มได้ ขนาดเกษตรกร ๙ ล้านครัวเรือนยังตั้งหน้ารอกันแล้ว
รมว.คลังอวดว่าที่ ครม.อนุมัติกู้ ๑ ล้านล้านนั่นจะเจียดมาให้ชาวไร่ชาวนา ครัวละ ๓
หมื่นบาท เท่าที่แรงงานนอกระบบได้ ๕ พัน ๖ เดือน
อ้อ แต่ที่เพิ่งสะเด็ดไอเดียขยายจาก ๓
เดือนเป็น ๖ เดือนนั้นขอขยักคำพูดไว้นิดนึงก่อน ว่าต้องดูความเป็นไปในอนาคตอันไม่ไกล
อาจเปลี่ยนใจกลับไปเหลือแค่ ๓ เดือนอย่างเดิมก็ได้
หากอย่างนั้นที่จะแจกเกษตรกรคงถอยไปหาหมื่นห้าตามแผนเก่า
อุตตม สาวนายน เผยว่าโครงการแจกเงินเกษตรกร
ในวงเงิน ๖ แสนล้านบาทจากเงินกู้ล้อตใหญ่ จะทำผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรฯ
(ธกส.) โอนให้ตรงแก่ผู้มีบัญชีอยู่แล้ว ใครยังไม่มีบัญชีให้แจ้งข้อมูลบัญชีธนาคารอื่นหรือ
‘พร้อมเพย์’ กับ ธกส.
นัยว่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างกรณีโครงการ
#เราไม่ทิ้งกัน ที่ต้องให้ด็อกเต้อโฆษกออกมากรรโชกกำชับคนที่รู้ตัวว่าขาดคุณสมบัติแล้วยังไปลงทะเบียนรีบไปถอนออกซะ
ไม่งั้นโดน พรบ.คอมพิวเตอร์เหมือนพวกต่อต้าน คสช. ที่โดนชนัก ‘ตราชู’ ปักหลังกันอยู่ระนาว
เห็นหลายคนบอกว่าไปถอนออกแล้วก็ยังได้ ๕
พันส่งให้ แสดงว่าระบบจัดการทางอีเล็คโทรนิคประสิทธิภาพความแม่นยำบกพร่อง หรืออาจมีปัญหาเสียจนลือกันว่า
สงสัยรัฐบาลจะใช้วิธี ‘สุ่มแจก’ หรือไม่ ในเมื่อกระบวนการคัดกรองยอกย้อนสับสน
จนเพจ ‘ราหูสลับ’
เอามาเล่น “แฉคนปลอมข้อมูลเพียบ แต่ได้เงิน ๕
พันทั้งที่ไม่เดือดร้อน” รายหนึ่งได้เงินมาแล้วเพื่อนถามว่าทำท่าไหน เขาตอบว่าตอนกรอกข้อมูลอาชีพก็โกหกว่า
‘ได้รับผลกระทบ’ ก็ผ่านง้ายง่าย
อีกคนว่ากดยกเลิกขอรับไปแล้วเงินยังมา
กลายเป็นว่านโยบายประชารัฐที่ลอกมาจากประชานิยม
แต่บอกไม่ใช่เพราะแจกมากกว่านี้ เหมือนเล่นเกมเสี่ยงทายรับรางวัลออนไลน์ บางคนขอบคุณนายกฯ
“ได้รับสิทธิ์รับเงินแล้วด้วยความง่ายดาย และจะนำเงินก้อนนี้ไปทำศัลยกรรมเสริมจมูกและเสริมหน้าอก”
บ้างก็ว่า “กราบขอบพระคุณ พลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา สำหรับเงิน ๕ พัน ๖ เดือน...ลงไว้เล่นๆไม่เคยที่จะหวังได้
มันโอนมาเองอ่ะจ้าาา ตรวจสอบอะไรยังไงอยากรู้จริง! #ขอบคุณสำหรับค่าโบท็อก”
อีกรายกระหึ่มมากโพสต์ไปแล้วต้องกลับไปขอโทษขอโพย
เพราะดันบอกว่าที่ได้มา ๕ พัน “แค่เศษเงินหลังตู้เย็น”