วันศุกร์, เมษายน 17, 2563

อุ้มได้สบายมาก 'การบินไทย' รองฯ สมคิดคุย กู้ล้านล้าน "เป็นมาตรฐานไม่สะเทือน"


อ่า การบินไทย ชื่อนี้เป็นความภาคภูมิใจของใคร จะด้วยภาพสัญญลักษณ์ เจ้าจำปี (ที่คล้ายแอร์นิวซีแลนด์) หรือคำขวัญ รักคุณเท่าฟ้า ณ เวลานี้ไม่ต่างจาก ‘baggage’ ถุงสัมภาระอันเทอะทะ ที่เนื้อในมีแต่เศษเหล็ก

การบินไทยนี้มีปัญหามานานแล้วอย่างที่รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยอมรับ นอกจากไม่สามารถทำกำไรและสร้างความนิยมแก่นักเดินทาง แม้จะพยายามทำตัวเป็น ไฮเอ็นด์ก็แข่งกับสายการบินอื่นไม่สำเร็จ อย่าว่าแต่จะเทียบกับสายการบินชั้นนำอย่าง สิงคโปร์หรือ เอ็มมิเรต

กับแค่ เอเอ็นเอและ เอเซียน่ายังสู้เขาไม่ได้ เพราะการเน้นไฮเอ็นด์ทำให้บริการชั้นโค้ชกลับเป็นโลว์เอ็นด์ นี่มิได้ปรามาสพนักงานหรอกนะ เพราะทีมการบินไทยที่ไปรับจ้างบริการบนสายญี่ปุ่นและอเมริกัน ช่วงนาริตะ/โอซาก้าถึงกรุงเทพฯ ใช้ได้

ปัญหาจึงอยู่ที่การบริหารงานทางธุรกิจ จะเป็นเพราะมีอดีตกัปตันและทหารอากาศร่วมทีมบริหารอยู่มาก แต่นักบริหารจริงเข้าไม่ถึง เส้นสนกลในคว้าไปกินก่อนหรือเปล่าต้องควรคิดดู เหมือนลุงตูบที่เข้าไปลองผิดลองถูกเสียจนเจียนจะพังมิพังแหล่

ที่วิจารณ์มาก็แค่มุมมอง ลองมาดูข้อเท็จจริงก็ได้ การบินไทยต้องหยุดบินสิ้นเชิง (ยกเว้นไปซูริคและมูนิค) เพราะพิษโคโรน่าไวรัสปิดฝาโลงน่ะใช่ แต่นั่นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง “ข่าวที่น่าตกใจคือ...บอกว่าเหลือเงินเดือนจ่ายพนักงานได้แค่เดือนเมษายน”

รายงานข่าว mcot.net แจ้งเมื่อวันก่อน “ขณะนี้มีเงินสดที่สามารถหมุนเวียนบริหารจัดการตลอดปี ๒๕๖๓ อยู่ราวๆ ๑๐,๐๐๐-๑๒,๐๐๐ ล้านบาท นอกจาก “ต้องนำเงินดังกล่าวไปชำระแก่เจ้าหนี้” แล้วเหลือจ่ายเงินเดือนพนักงานแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้น

รองฯ สมคิดปฏิเสธเสียงแข็งว่า “ไม่จริง” เมื่อนักข่าวถามว่าขณะนี้การบินไทยขาดสภาพคล่องอยู่ใช่ไหม แต่ไม่มีใครปฏิเสธว่าสิ่งที่ต้องการเวลานี้ก็คือให้กระทรวงคลังและคมนาคมช่วยหาเงินกู้สัก ๗ หมื่นล้านบาท เอาไปฉลุยจัดการฟื้นฟูกันหน่อย

ทั้งสมคิด อุตตม สาวนายน รมว.คลัง และศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม คุยกันแล้วเอา อุ้ม แน่ เพราะเป็นสายการบินแห่งชาตินั่นแหละ แต่จะอุ้มแค่ไหนขอดูรายการและตัวเลขฟื้นฟู มีข่าวซุบซิบออกมาเมื่อสักสองอาทิตย์เห็นจะได้ว่ายาแรง

นอกจากตัด ‘workforce’ ทีมงานทุกระดับลงไปถึงครึ่งแล้วจะมีสายการบินดัง (อย่างเอเอ็นเอ) มาช่วยอุ้มก้อนใหญ่มาก เป็นด้วยเหตุนั้นหรือเปล่าไม่สามารถยืนยันได้ แต่นายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยบอกว่า
 
“ได้ตกลงร่วมกันจะลดเงินเดือนตัวเองเริ่มตั้งแต่เดือนนี้แบบขั้นบันได” โดยเงินเดือนระดับ ๒ หมื่นบาทลด๑๐% ไปจนถึงระดับสูงสุด (๑ แสนบาทขึ้นไป) ลด ๕๐% ถ้าทำได้อย่างนั้นจะลดรายจ่ายด้านเงินเดือนพนักงานถึงเดือนละ ๔๖๕ ล้านบาท

แผนประคับประคองดังกล่าวจะทำให้ยืดอายุการบินไทยไปถึงเดือนมิถุนายน เพื่อรอกระทรวงคลังเข้าไปอุ้มต่อ หากภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมยังไม่รู้กัปตันรู้แอร์ละก็จบเห่ทั้งยวง ประธานสหภาพคนนี้บอกด้วยว่า แต่ถ้าแผนฟื้นฟูให้ปรับลดจำนวนพนักงาน ไม่เอานะ

เขาชี้ว่าถ้าตัดจำนวนพนักงานและแบ่งขายเครื่องบินไปเสียแล้ว หลังจากที่คลังเข้ามาอุ้ม หาเงินมาอุดตามที่ต้องการแล้ว จะเอาคนและเครื่องที่ไหนไปดำเนินการใหม่ ให้กลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติที่แข็งแรงอีกครั้งได้

พูดเหมือนที่รัฐมนตรีศักดิ์สยามตั้งความหวัง เสียแต่ว่าข้อมูลคลาดเคลื่อนตรงที่การบินไทยเป็นเด็กขี้โรค เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอดนะ โชคดีที่พ่อรวยขาดเหลืออะไรช่วยถมให้ แต่ก็เนอะ ถมเท่าไหร่ไม่เต็มสมคิดถึงว่า

“ทั้งนี้ ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าตัวบริษัทการบินไทยเอง ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีและมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น” สมคิดย้ำ “ต้องมีการเปลี่ยนแปลง และแสดงความสามารถออกมาให้เห็นว่าการบินไทยยังมีขีดความสามารถแข่งขันได้ต่อไป”

ที่พูดอย่างนั้นใช่ว่าทั่นรองฯ ต้องการประหยัดจำกัดจำเขี่ยอะไรหรอกนะ เรื่องเงินทองรัฐบาลนี้ไม่เคยยั่น ใช้อย่างอีลุ่ยฉุยแฉกมานานแล้วตั้งแต่ก่อนสืบทอดอำนาจ แม้ “ไม่มีประเทศใดในโลกที่จะมีงบประมาณดูแลประชาชนที่เดือนร้อนเพียงพอ”

สมคิดชี้ “ทุกประเทศต้องหันมาใช้การกู้ยืมเงิน” กันทั้งนั้น ของไทยที่จะกู้ ๑ ล้านล้าน กลางเดือนพฤษภานี้ได้เห็นล็อตแรก ๖ แสนล้าน ตัวเลขแค่นั้นขี้ปะติ๋ว “เพราะหนี้ต่อจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ ๔๐-๔๑ การกู้ ๑ ล้านล้าน ตัวเลขยังเป็นมาตรฐานไม่สะเทือน”


แต่เอ๊ะ รองนายกฯ คนนี้ไม่ใช่หรือที่เคยคุยว่า ฝีมือของรัฐบาลยึดอำนาจ (และสืบทอดอำนาจ) นี้สุดยอดกว่าใครแล้ว ปี ค.ศ.๒๐๒๐ คนไทยจะรวยกันถ้วนหน้า