วันพฤหัสบดี, เมษายน 23, 2563

ปิดเมือง คือ "ยาแรง"..ถึงเวลาหยุดให้ยา - สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ให้ข้อมูลเพียบ เรายิ่งกว่าพร้อม "เปิดเมือง" อย่างมีขั้นตอนและปลอดภัย




ปิดเมือง คือ "ยาแรง"..ถึงเวลาหยุดให้ยา :
1 พฤษภาคม ได้เวลาเปิดเมือง
และว่าด้วยปฏิญญาสำคัญของแพทย์
First, Do No Harm !

......................................................
.
.
.
1. ถึงวันนี้เรา "ปิดเมือง" มาครบ 1 เดือนพอดี
.
2. การ "ปิดเมือง" หรือ "กึ่งปิดเมือง" คือยาแรงที่ถูกใช้เพื่อจำกัดการระบาดของโควิด
.
ผมเองเห็นด้วยกับการใช้ยาแรงในช่วงวิกฤต และเคยเสนอให้ "กึ่งปิดเมือง" หรือ "หรี่ไฟเมือง" เมื่อวันที่ 19 มีนาคม โดยเสนอให้ปิด 21 วันเพื่อครอบคลุมระยะเวลาฟักตัวของไวรัส (ประมาณ 14 วัน)
.
3. คำถามคือ ผ่านการ "ปิดเมือง" มา 31 วันแล้ว ถึงเวลาหยุดให้ยาแรงหรือยัง
.............................
.
.
.
4. ในทางการแพทย์ "ยาแรง" หรือ "ยาอันตราย" หรือ "การรักษาที่อันตราย" มีข้อบ่งชี้ในการใช้ และมีข้อกำหนดที่ต้องหยุดใช้
.
เราไม่ใช้ยาแรงโดยไม่ระมัดระวัง เพราะการใช้ยาแรงเกิดอาการข้างเคียงหรือแม้แต่เกิดโทษถึงแก่ชีวิตได้
.
แพทย์จึงใช้ยาปฎิชีวนะบางชนิดเมื่อจำเป็นอย่างยิ่งและรีบหยุดยาเมื่อครบกำหนด
.
แพทย์จึงให้ยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาเมื่อจำเป็นอย่างยิ่ง และหยุดการรักษาเมื่อครบคอร์ส แล้วรอผลลัพธ์ที่ตามมา เพราะยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาไม่เพียงทำลายเซลล์มะเร็ง แต่มีผลต่อเซลล์ปกติและทำให้ร่างกายอ่อนแอลงด้วย
.
5. ดังนั้น ปฏิญญาสำคัญของแพทย์ทุกคนที่ต้องยึดถือคือ "First, Do No Harm / เหนือสิ่งอื่นใด ห้ามทำให้เกิดอันตราย"
.
เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจแพทย์ทุกคนว่า การรักษาที่ให้ ต้องไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย ยิ่งทำให้เกิดอันตรายกับผู้ป่วยมากกว่าโรคที่เป็นอยู่ เป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำเลย
...............................
.
.
.
6. การ "ปิดเมือง" คือ "ยาแรง" หรือ "ยาอันตราย" มีผลดีในการจำกัดการระบาดให้น้อยลง และ "ซื้อเวลา" ในการเพิ่มศักยภาพการควบคุมโรค และเตรียมทรัพยากรในการรักษาโรค แต่ก็มีข้อเสียคือ ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงทุกหย่อมหญ้า ยิ่งคนหาเช้ากินค่ำ ยิ่งทุกข์มากเป็นทวีคูณ
.
ยิ่งปิดเมืองนานเท่าใด ผลกระทบต่อคนจนและคนชั้นกลางจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น จนทำให้ระบบเศรษฐกิจพังทลาย เพราะเมื่อฐานรากอ่อนแอ ยอดปิรามิดก็จะถล่มลงมาด้วย
.
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ เปรียบการ "ปิดเมือง" เหมือนการ "กลั้นหายใจ" คนเรากลั้นหายใจได้นานไม่เท่ากัน คนที่พอมีทุนรอนสะสมย่อมกลั้นหายใจได้นานกว่าคนที่ขาดแคลน
.
ดังนั้น จึงไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้องที่คนกลั้นหายใจได้นานกว่าจะพร่ำบอกว่า "กลั้นหายใจกันต่อไปเถิด เพื่อความปลอดภัยของเราทุกคน" ในขณะที่คนกลั้นหายใจได้สั้นกว่ากำลังจะขาดใจตาย
................................
.
.
.
7. จริงหรือ ที่บางคนบอกว่า วันที่ 1 พฤษภาคม เรายังไม่พร้อม "เปิดเมือง" ...(ทั้งๆที่เราสามารถสร้างมาตรการป้องกันโรคและควบคุมโรคภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดอย่างรัดกุมรอบคอบได้)
.
ผมตอบได้้เลยว่า "ไม่จริง"
.
ไม่มีประเทศไหนรอเปิดเมืองในวันที่ผู้ป่วยใหม่เป็นศูนย์ เพราะเรารู้ว่า โควิดยังอาจอยู่กับเราและมีผู้ป่วยใหม่ประปรายไปอีกช่วงหนึ่ง (วันที่ 8 เมษายนซึ่งเปิดเมืองอู่ฮั่น จีนยังมีผู้ป่วยใหม่ในวันนั้น 63 คน)
.
ไม่มีประเทศไหนตัดสินใจเปิดเมืองเพราะเส้นกราฟหรือสูตรคณิตศาสตร์ชี้ว่า "เอาละ...เปิดเมืองได้แล้ว" เพราะไม่เคยมีเส้นกราฟหรือสูตรคณิตศาสตร์ใดๆที่แม่นยำเช่นนั้นจริง
.
เนื่องจากปัจจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข ปัจจัยทางวัฒนธรรม การบริหารจัดการ เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องโควิดมีมากมายและซับซ้อนเกินกว่าสูตรคณิตศาสตร์ใดๆจะคำนวณได้
.
8. แต่การตัดสินใจ "เปิดเมือง" เกิดขึ้นได้ถ้าคลื่นของการระบาดกำลังเป็นขาลงใกล้แตะฐานแล้ว
.
การตัดสินใจ "เปิดเมือง" เกิดขึ้นได้ถ้าความรับรู้ของประชาชนในการป้องกันโรคเป็นไปอย่างกว้างขวาง (ไม่ต้องถึง 100% ขอเพียง 80% ก็เพียงพอแล้ว ตามหลักการ "ภูมิคุ้มกันหมู่ / Herd Immunity)
.
การตัดสินใจ "เปิดเมือง" เกิดขึ้นได้ถ้าความพร้อมในการควบคุมโรคและการรักษาโรคถึงจุดที่พร้อม "เต็มอัตราศึก" แล้ว
...............................
.
.
.
9. เราปิดเมืองมา 31 วัน วันนี้มีผู้ป่วยใหม่เพียง 15 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,826 ราย รักษาหายแล้ว 2,352 ราย เสียชีวิต 49 ราย
.
คงเหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 425 ราย อาการหนัก 61 ราย
.
เรามี 9 จังหวัดที่ไม่เคยมีผู้ป่วยโควิดแม้แต่คนเดียว
.
เรามี 36 จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยใหม่มาแล้ว 14 วัน
.
เราเห็นผู้คนใส่หน้ากากอนามัยและเฟซชีลด์กันเกิน 90% เราเห็นแอลกอฮอล์เจลล้างมือทั่วทุกหนแห่ง
.
เรามีอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) 1,040,000 คนทั่วประเทศที่เฝ้าระวังผู้ติดเชื้อและค้นหาผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย เพื่อกักกันตัว 14 วัน
.
เราตรวจ RT-PCR หาเชื้อไวรัสมาแล้ว 142,589 ตัวอย่าง (ตัวเลข ณ วันที่ 17 เมษายน) และมีขีดความสามารถตรวจได้วันละ 20,000 ตัวอย่าง แต่ทุกวันนี้มีผู้เข้าเกณฑ์ตรวจหาเชื้อเพียง 3,000 - 4,000 ตัวอย่าง (ทั้งๆที่เกณฑ์ตรวจเชื้อเปิดกว้างมากแล้ว) ดังนั้นจึงมีขีดความสามารถคงเหลืออีก 16,000 ตัวอย่างต่อวัน
.
วันนี้เรามีเตียงที่รองรับผู้ป่วยโควิดทั้งประเทศ 15,095 เตียง เป็น เตียง ICU 4,681 เตียง, ห้องแยก Isolation Room 3,748 เตียง, ห้องผู้ป่วยรวม Cohort Ward 4,533 เตียง, Hospitel (กรุงเทพมหานคร) 522 เตียง และเตียงสนาม (ต่างจังหวัด) 1,611 เตียง
.
และเรามีเครื่องช่วยหายใจ (Ventilator) รองรับผู้ป่วยโควิด 12,735 เครื่อง
.
จากข้อมูลข้างต้นนี้ เราพร้อม "เปิดเมือง" อย่างมีขั้นตอนและปลอดภัยตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขหรือยัง
.
ผมตอบได้เลยว่า "ยิ่งกว่าพร้อม"
.............................
.
.
.
10. ถ้าเช่นนั้น..รออะไรอยู่
.
รอการพิจารณาจาก ศบค. ครับ
.
กระทรวงสาธารณสุขส่งข้อเสนอ "เปิดเมือง" ตามแนวทางที่มีขั้นตอน ปลอดภัย และรัดกุมถึง ศบค.แล้ว
.
ถ้าจะ "เปิดเมือง" วันที่ 1 พฤษภาคม..วันนี้ (22 เมษายน) ศบค.ต้องประกาศให้เกิดความชัดเจน เพื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรีบเตรียมการ
.
.
.
11. ส่วนใครที่ "กลั้นหายใจ" ได้นานกว่าคนอื่นและยังเรียกร้องให้คนที่กำลังจะขาดใจ..กลั้นหายใจต่อไป
.
ขอท่านกลับไปทบทวนปฏิญญาสำคัญของแพทย์ที่ว่า
.
"First, Do No Harm / เหนือสิ่งอื่นใด ห้ามทำให้เกิดอันตราย"
.
.