วันศุกร์, เมษายน 24, 2563

สว.ตู่ตั้งนอกจากคอยยกมือให้ประยุทธ์เป็นนายกฯ แล้ว ยังมีหน้าที่ "คอยงัดกับฝ่ายค้าน"

ที่วิจารณ์กันว่า คสช.ตั้ง สว. ๒๕๐ คนมากินเงินเดือนคนละแสนกว่า ก็เพื่อไว้ยกมือเป็นฝักถั่วให้ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อย่างเดียว เพราะตลอดวิกฤตไวรัสโควิด-๑๙ นี่ไม่เห็น สว.ทำอะไร คนที่ถูกตัดสิทธิ ส.ส. อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำมากกว่าเยอะ

แม้จะแก้ตัวพัลวันว่าต้องลงพื้นที่บ้างไรบ้าง เมื่อมีข้อเสนอให้ตัดเงินเดือน สว.ไปเข้ากองทุนแก้ปัญหาโควิด ก็ยังเป็นเพียงข้ออ้างลอยๆ เชื่อถืออะไรไม่ได้ มาตอนนี้ดูเหมือนจะมีหน้าที่ใหม่ให้คุ้มกับความกรุณาของ คสช.ที่ตั้งมา นั่นคือไว้คอยงัดกับฝ่ายค้าน

วันนี้ ๖ พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยเลขาฯ พรรคเพื่อไทย พากันไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี (ไอรอนนี่หน่อยที่มี แรมโบ้อีสาน เป็นตัวแทนรัฐบาลมารับคำร้อง) ขอให้ ครม.เสนอเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อถกประเด็นรัฐบาลออก พรก.กู้เงิน ๑.๙ ล้านล้านบาท

“ซึ่งมียอดการกู้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วน และสภาผู้แทนราษฎรต้องทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบในฐานะตัวแทนของประชาชน” นอกจากนั้นในสถานการณ์โควิด-๑๙ นี้ ควรที่จะให้สภาได้มีบทบาทร่วมแก้ปัญหา เฉกเช่นนานาประเทศ

ก่อนที่ น.ต.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ จะนำทีมไปยื่นหนังสือ พรรคฝ่ายค้านได้พูดถึงการเปิดสภามาแล้วอย่างกว้างขวาง เนื่องจากรัฐบาลฉวยโอกาสออก พรก.กู้เงิน โดยสภาไม่สามารถท้วงติงได้ เพราะมีการบังคับใช้กฎหมายกำกับการภาวะฉุกเฉิน

ฝ่ายค้านจึงพยายามรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ให้ได้จำนวน ๑ ใน ๓ หรือ ๒๔๖ คน จึงจะยื่นคำร้องให้ประธานสภาเปิดประชุมได้ แต่ว่าฝ่ายค้านมีคะแนนเสียงอยู่เพียง ๒๑๓ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจาก ส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาล หรือวุฒิสภา อีก ๓๓ เสียง

ปรากฏว่า เสรี สุวรรณภานนท์ สว.ที่เคยประกาศอย่างภูมิใจหลังได้รับแต่งตั้งว่า “ผมนิยมเผด็จการประชาธิปไตย” จัดแจงออกมาปักหลักค้าน “ว่าส่วนตัวเห็นว่ายังไม่สมควรให้เปิดประชุม” อ้างว่า “ในช่วงนี้ต้องแก้ปัญหาด้วยความตั้งใจและจริงใจ”
 
นี่ไง คุณภาพคับพุงของ สว.ตู่ตั้ง บอก “ตอนนี้เห็นได้ว่าทุกฝ่ายช่วยกันอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้เชื้อโรคโควิด-๑๙ กลับมากระจายเพิ่มขึ้นอีก” ใช่สิ ใครต่อใครชาวบ้านร้านช่องออกมาช่วย เสี่ยงกับการโดนเจ้าหน้าที่จับกุมข้อหาฝ่าฝืนประกาศห้ามจัดกิจกรรมเสียอีก


ข้ออ้างของเสรีนี่ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลเลยสักนิด ว่าข้อเสนอของฝ่ายค้านเป็นเรื่องการเมือง อ้าว พวกเขามาจากการเลือกตั้งก็ต้องทำงานการเมืองกันสิ ไม่เหมือน สว.ลิ่วล้อนักรัฐประหารนี่นะ ถ้าเงินเดือน สว.มาจากกระเป๋า คสช.ก็ว่าไปอย่าง

แล้วที่ฝ่ายค้านคิดว่า “หากนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการหารือคณะรัฐมนตรีน่าจะสามารถเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้ภายใน ๒ สัปดาห์” ก็อย่าหวัง นั่งๆ ยืนๆ ประเดี๋ยวสถานการณ์ก็คลี่คลายเอง จำนวนผู้ติดเชื้อดูจะไม่เพิ่มมากมาย

ประการหนึ่งประเทศไทยโชคดีที่อยู่ในภูมิอากาศโซนร้อน การแพร่ระบาดของเชื้อแบบที่เรียกว่า ลุกลามในชุมชน ‘community spread’ ไม่มากเหมือนในประเทศโซนเย็น เช่นสหรัฐ หรือญี่ปุ่น มีแต่การแพร่เชื้อเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการ กับความ โอหัง อย่างอิตาลี และเวทีลุมพิณี

ก็เลยทำให้รัฐบาลประยุทธ์ไม่มีแรงกดดันจากไวรัสเองมากเท่าไร มีแต่แรงกดดันอันเป็นผลของความผิดพลาดและเซ่อซ่าของตนเอง ทำให้ถูกชาวบ้านด่า อย่างเช่น #รัฐบาลส้นตีน งี้ ประยุทธ์และพวกจึงไม่อยากเปิดสภาให้ฝ่ายค้านด่าซ้ำ

อีกอย่างประยุทธ์และพวกนักยึดอำนาจชอบที่จะครองเมืองแบบนี้มากกว่าที่จะต้องตอบคำถาม ให้เหตุผล และอภิปรายโต้เถียงในสภา อย่างที่กล่าวมาแล้ว นั่งๆ เดินๆ ก็มีเบี้ยเลี้ยงให้กินทุกวี่ทุกวัน ตกทอดมาแต่ครั้งใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจากการรัฐประหาร

ล่าสุดนี่ ไอลอว์ ค้นพบว่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับรองนายกฯ และรัฐมนตรีอีก ๔ คน พร้อมด้วยกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้อำนวยการ ปยป. ๖ พันบาทต่อการประชุม ๑ ครั้ง ยังคงได้รับไม่ขาดตอนมาแต่ก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ๖๐

ปยป.นี่เป็นกรรมการที่ คสช.ใช้อำนาจมาตรา ๔๔ ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาข้อเสนอของสภาปฏิรูป (สปช.) และสภาขับเคลื่อนฯ (สปท.) มีนายกฯ เป็นประธานฯ ราชกิจจาฯ เพิ่งประกาศย้ำเมื่อ ๒๑ เมษา ๖๓ ให้ทั้งก๊วน “ได้รับค่าตอบแทน” ต่อไป

ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี (มกรา ๖๓) มีการแต่งตั้งกรรมการ ขับเคลื่อนการปฏิรูปรวบยอดทั้งปฏิรูปและขับเคลื่อน ให้ประยุทธ์เป็นประธาน มี วิษณุ เครืองาม อุตตม สาวนายน อนุพงษ์ เผ่าจินดา และผู้ทรงคุณวุฒิอีกสองคนเป็นกรรมการ


ทั่นผู้เก่งกาจเหล่านี้ กินครั้งละ ๖ พันเช่นกัน