วันอาทิตย์, เมษายน 19, 2563

ความหิวโหยไม่ต้องมีระเบียบวินัย เยียวยาอีท่าไหน (วะ) ค่าไฟแพงขึ้น ๓๐%

ถึงที่สุดแล้วปัญหาคนไม่มีจะกินหนักหนาสากันต์ยิ่งกว่าติดเชื้อโควิด ไม่ว่าในขณะนี้หรือในอนาคตอันไม่ไกล มันจึงต้องไปลงที่รัฐบาลชุดนี้อย่างช่วยไม่ได้ ที่ไม่สามารถบริหารจัดการทั้งในการผ่อนคลายผลกระทบของโรคระบาด และอาการทรุดหนักทางเศรษฐกิจ

แน่นอนความยากไร้เกิดกับผู้ต้องพึ่งพารายได้รายวัน-รายเดือนประทังชีวิต ทำให้ผู้พอมีกินและเหลือใช้มองว่า การไปยืนเข้าแถวยาวเหยียดรอรับของแจกและอาหาร เป็นความโง่เขลาไม่รับผิดชอบต่อสังคม เพราะจะทำให้มีการแพร่เชื้อไวรัสมากขึ้น

ทว่า การคิดอย่างนั้นนั่นเองต่างหากที่เอารัดเอาเปรียบ เอาแต่ได้ไม่เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อีกทั้งเพื่อนมนุษย์เหล่านั้นเป็นคนส่วนมากในสังคมไทย พวกเขาได้รับความเดือดร้อนจากการหากินฝืดเคืองมาอย่างน้อยๆ ก็ห้าหกปีเข้านี่แล้ว

เริ่มแต่รัฐบาลที่ยึดอำนาจเขามาแล้วหาเงินใส่คลังไม่เป็น ดีแต่ใช้จ่ายมือเติบตลอดมาจนถึงสมัยที่เป็นรัฐบาลผ่านการเลือกตั้งอย่างเอาเปรียบด้วยเล่ห์กลเพื่อสืบทอดอำนาจ ก็มาป๊งเช้งเจอวิกฤตโควิด-๑๙ เข้าให้ แต่เปล่านะ รัฐบาลไม่เดือดร้อน ประชาชนนั่นสิ #จะอดตายกันหมด

หมอคนหนึ่งเขียนถึงหมออีกคนที่เป็นโฆษกศูนย์อำนวยการฉุกเฉิน ไม่เข้าใจภาวะหิวโหยของผู้คน จึงตำหนิว่าไปยืนรอรับของแจกอย่างไม่มีระเบียบวินัย ทั้งที่รัฐบาลควรจัดการทั้ง ควบคุมและเยียวยาให้ดีกว่านี้ สะท้อนถึงการไร้ประสิทธิภาพอย่างเรื้อรังของผู้นำ

และผลแห่งการใช้งบประมาณอย่างไม่บันยะบันยังจนกระทั่งเกิดโรคระบาดแล้วกลับตัวไม่ทัน จึงต้องหันเข้าหาวิธี #ขอทาน เรียกร้องให้พวกมหาเศรษฐี ๑ เปอร์เซ็นต์ของประชากร แต่ครองทรัพย์ศฤงคารกว่า ๖๐ เปอร์เซ็นต์ของประเทศ มาช่วย

ไม่ว่าโฆษกอีกคน รายนี้มีดีกรีด็อกเต้อ มีศักดินาโปรเฟสเซ่อ จะพยายามแถกแถแก้ตัวแทนนายว่าที่พูดว่าจะเขียนจดหมายถึงเจ้าสัวนั้นไม่ได้เพื่อขอเงิน แต่จะชักชวนไปร่วมออกความเห็นเท่านั้น ถ้อยคำก็ชัดเจนว่าส่อเจตนาจะไถเงินเขาแหละ เพียงแต่ใช้สำนวนอ้อมค้อมไปเท่านั้น
 
Phattita Cheraiem ขาประจำบนหน้าเฟชบุ๊ครายหนึ่งที่ตามติดวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตลอด ชี้แนะว่าวิธีการเรียกเจ้าสัวมาสุมหัวแก้เศรษฐกิจไม่ใช่นวรรตกรรมอะไร ประยุทธ์เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งในปี ๒๕๕๗

คราวนั้นมี ๒๔ นักธุรกิจระดับสุดยอดของไทย ไปร่วมประชุมกับคณะยึดอำนาจท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจของชาติขณะนั้นอยู่ในขั้น “ค้าปลีกตกต่ำที่สุดในรอบ ๒๐ ปี” ผลที่ตามมาก็คือโครงการประชารัฐ เบิกเงินออกมาใช้เป็นการใหญ่

นัยว่าจะสร้าง ไทยแลนด์ ๔.๐ที่ประชาชนทุกคนมีอันจะกินภายในปี ค.ศ.๒๐๒๐ “๖ ปีผ่านไป...เศรษฐีเหล่านั้นมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ประชาชนกลับจนหนัก” ดังที่ Phattita ว่า นี่ก็ครึ่งปี ๒๐๒๐ กะลาแลนด์ ๐.๔ ประชาชนต้องไปเข้าแถวยาวเหยียดรอวัดแจกข้าว

ระหว่างนี้รัฐบาลตูบก็มีมาตรการต่างๆ นานาทั้งในการแก้ปัญหาโควิดและพยุงเศรษฐกิจตกต่ำ ออกมาไม่ขาดมือเหมือนกัน แต่ก็มักจะเหลวเป๋วไปเสียทั้งนั้น อย่างโครงการลดค่าน้ำค่าไฟงี้ ผ่านมาเป็นเดือนเห็นมีแต่คนบ่น

ว่าเว็บล่มบ้าง ตั้งค่าคุณสมบัติไว้เสียต่ำใครจะผ่านได้ แถมตอนนี้มีเสียงโอดโอย “ว่าค่าไฟช่วง ๒-๓ เดือนนี้กระโดดขึ้นแบบไม่เคยมีมาก่อน บ้านเราก็ขึ้นเกือบเท่าตัว ช่วงหน้าร้อนปกติจ่าย ๒ พันกว่าบาท ล่าสุดอีกไม่กี่บาทก็ ๔ พัน”

Puangthong Pawakapan นักวิชาการรัฐศาสตร์ท่านหนึ่งร่วมบ่น “ส่วนคนที่ขอคืนเงินประกันก็บ่นว่ายังไม่ได้เงินสักที นี่มันรายการซ้ำเติมประชาชนหรืออย่างไร...ลดค่าไฟ ๓% หรือขึ้น ๓๐% กันแน่” แล้วที่จะไปขอคำแนะนำเจ้าสัว แล้วจะกลายเป็นว่าถ้าเข้าเซเว่นต้องโดนเก็บค่าต๋งไหมเนี่ย

ทำไมไม่เงี่ยหูฟังทางฟากตรงข้ามเขาบ้าง อย่างน้อยๆ ผลงานของเขามีอยู่ไม่น้อยนะ ไม่งั้นจะมีเงินในคลังให้พวกทั่นควักใช้มือเปิบมาได้ตั้ง ๕-๖ ปีเลยเหรอ วานนี้ วัฒนา เมืองสุข คนใกล้ชิด ทักษิณ ชินวัตร (เขามีรูปยืนยัน) แนะ

“ความจริงแล้วรัฐบาลสามารถจ่ายเงินเยียวยาให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ แม้งบกลางจะมีไม่พอและจ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ พรก.เงินกู้ ดังนี้” ข้อแรกให้ประสานธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง จ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิ์ไปก่อน โดยผู้รับเงินโอนสิทธิ์จากรัฐบาลไปให้ธนาคาร

เข้าท่าดี ลองฟังข้อสองต่อ “ธนาคารก็มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเงินล่วงหน้าแล้วจ่ายส่วนที่เหลือให้ประชาชนไปก่อน เมื่อรัฐบาลได้รับเงินกู้แล้วก็จะโอนเงินคืนให้กับธนาคาร” และสาม “รัฐบาลอาจเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกกับประชาชน

โดยประสานกับห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้เครดิตกับประชาชนในการซื้อของ โดยให้ประชาชนโอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินเยียวยาให้ร้านค้าคล้ายกับธนาคารก็ทำได้” แบบนี้เจ้าสัวชอบแหละ ถึงแม้ว่า

“รัฐบาลจะได้ไม่ต้องไปขอความเมตตาจากเศรษฐีจนกลายเป็น #รัฐบาลขอทาน ให้เสียศักดิ์ศรีประชาชน” ก็ตามที

(https://www.facebook.com/WatanaMuangsook/posts/1848126895322831?__tn__=-y.g, https://thaipublica.org/2015/01/prime-minister-discussed-with-the-business-sector/, https://www.matichon.co.th/politics/news_2146434 และ https://www.innnews.co.th/regional-news/news_649445/)