ช่วงนี้ที่ผู้คนกังวลกับพิษ ‘โควิด-๑๙’ ระบาดกันมาก
และมัวใส่ใจกับการบริหารจัดการแก้ไขโรคร้าย การเยียวยา และมาตรการฟื้นฟูที่จะต้องเตรียมให้พร้อม
ดูท่ารัฐบาลประยุทธ์จะใช้โอกาสปูนบำเหน็จแก่คนที่ทำให้คณะรัฐประหารมีวันนี้
โดยเฉพาะในส่วนของ กปปส. นอกจาก ณัฏฐพล
ทีปสุวรรณ และ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จะได้เป็นรัฐมนตรีดั่งใจหมายแล้ว ล่าสุดมีการตามเก็บรายที่ยังตกหล่นมาถึงสาว
‘ตั๊น’ จิตภัสร์ กฤดาการ คนที่เคยอยากเป็นตำรวจแต่สวรรค์ล่มเพราะเคยด่าตำรวจไว้หนัก
คราวนี้ได้เป็นกรรมาธิการตำรวจสมใจ
หลังจากที่ได้เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจากการเลื่อนลำดับ
อันเป็นผลแห่งกระบวนการปัดเศษและคำนวณคะแนนอย่างยอกย้อนแยบยล ที่แฝงในรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งฝีมือ
มีชัย ฤชุพันธุ์
ประเด็นสำคัญมีคนชี้ให้เห็นว่า
‘ตั๊น’ ผู้นี้มีอิทธิพลมากมายด้วยตัวของเธอเอง จากตระกูลเจ้าสัวบวกกับสืบสายนางสนองในรั้วในวังรัชกาลที่
๙ ต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลมารดาเพราะการเมืองทำให้เสี่ยงต่อธุรกิจของตระกูลบิดา
จุดที่ถูกลุงสั่งห้ามก็ตรงที่เอากิจการผลิตเบียร์ของตระกูลภิรมย์ภักดีไปใช้ด่าตำรวจและทักษิณ
“ขอประกาศให้ทราบว่าเราไม่เต็มใจที่จะขายให้คนเหล่านั้น” เธอเคยโพสต์ว่า “พวกท่านเป็นชั้นจัณฑาล...เป็นเสนียดต่อสินค้าเรา”
หลังจากทหารยึดอำนาจจากทักษิณและยิ่งลักษณ์
ชินวัตรได้แล้ว จิตภัสร์กลายเป็นบุคคลสำคัญชนิด “ไปต่างจังหวัดต้องมีรถตำรวจนำขบวน...ผู้การตำรวจจังหวัดต้องไปต้อนรับ”
แมวเกเร @Unrulycat2511 ทวี้ตไว้ “เผื่อใครยังไม่รู้”
อีกคนลักษณะคล้ายกัน นอกจากได้เป็น
สว.ตู่ตั้งแล้วตอนนี้เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากตู่อีกครั้ง ให้เป็น ‘กรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค’
แทนคนที่ลาออกไป ก็คือ ถวิล เปลี่ยนศรี คนที่เคยถูกนายกฯ
ยิ่งลักษณ์ย้ายออกจากเลขาธิการสภาความมั่นคง
ตอนนั้นมีอดีต สว.คนหนึ่งไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ
ที่ตัดสินว่าการสั่งย้ายไม่ได้ไปสู่ตำแหน่งสูงขึ้นดังรัฐบาลยิ่งลักษณ์อ้าง
แต่เป็นความ ‘รังเกียจรังงอน’ จึงเป็นหนึ่งในหลายคดีที่นำไปสู่การกวักมือเรียกบูรพาพยัคฆ์ให้กลับเข้าไปยึดอำนาจ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ถวิลเข้าไปเป็นกรรมการนี้เพิ่งมีกรณีอื้อฉาว
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาค่าไฟของชาวบ้านขึ้นไปหลายเท่า บางรายจ่ายเพิ่มเป็นสิบๆ
เท่า แรกๆ การไฟฟ้าอ้างว่าช่วงเก็บตัวอยู่บ้านทำให้มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าปกติ
ต่อมามีข้ออ้างใหม่ว่าพนักงานอ่านมีเตอร์ผิดไป
การไฟฟ้ายินดีจ่ายคืนส่วนเกิน แต่ยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่จ่ายค่าไฟเพิ่มเป็นสิบๆ
เท่าจะต้องยื่นคำร้องขอพิสูจน์ว่ามีเตอร์ผิดกันยุ่งยาก ในสถานการณ์ที่ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ติดเชื้อโควิดนี่น่ะ
ถวิล เปลี่ยนศรี |
การแก้ปัญหาโควิดที่งุ่มง่ามและผิดพลาดทำให้รัฐมนตรีหลายคนรวมทั้งตัวนายกฯ กลายเป็นตำบลกระสุนตก ก็เลยเปิดช่องให้ คสป. (คณะสืบทอดอำนาจประยุทธ์) ร่วมกับรัฐมนตรี กปปส.รุกไล่จัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
เมื่อสองวันก่อน วาสนา นาน่วม แจ้งข่าว “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ไฟเขียวตั้ง ‘ตำรวจไซเบอร์’ ดูแลประชาชน” อันเป็นหน่วยงานใหม่ระดับกองบัญชาการใน สตช. “เพื่อรับผิดชอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีครอบคลุมทั่วประเทศ”
โดยร่วมงานกับกระทรวงดิจิทัลเป็นหลัก
หลังจากที่พุทธิพงษ์เป็นคนชงเรื่องนี้เสนอแล้วประยุทธ์กับประวิตร
วงษ์สุวรรณเห็นชอบ โฆษก สตช. บอกว่าคดีอาชญากรรมไซเบอร์ “ล้วนแล้วแต่มีความซับซ้อน
จำเป็นจะต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน”
วันเดียวกัน รมว.ดิจิทัล ให้ทนายไปแจ้งความดำเนินคดีกับ
ยุทธเลิศ สิปปภาค
ผู้กำกับภาพยนตร์คนดังที่มักโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลประยุทธ์บ่อยครั้ง
โดยมีหมายเรียกให้นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไปเป็นพยานในคดีเกี่ยวกับผู้ใช้ทวิตเตอร์ @nmgfounder
บก.ลายจุด
มีปฏิกิริยาเรื่องนี้ทางหน้าเฟชบุ๊คว่า “ผมแมร่งไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย
ทำไมชีวิตผมต้องมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้...ผมโคตรรังเกียจเวลามีคนบอกว่าถ้าผมไม่ไปรายงานตัวแล้วจะติดคุก...มาจับผมได้บนดอยที่มีไฟป่า
มาเลย”
สมบัติอยู่ในระหว่างขึ้นไปช่วยชาวบ้านดับไฟป่าที่เชียงใหม่-เชียงรายมาพักใหญ่แล้ว
เขาโพสต์ว่า “ผมไม่อยากไปรับเชื้อโควิดที่กรุงเทพ
สถานีตำรวจในมุมมองผมเป็นพื้นที่เสี่ยง...ถ้าผมไป กทม.แล้วกลับมาเชียงรายผมต้องโดนกักตัว
๑๔ วัน”
และ “ใครจ่ายค่าเดินทางครับ...รมว.ดีอี รู้จักโปรแกรม Zoom
(มั้ย) คนเขาใช้กันทั่วโลก” ก็นี่ละกระทรวงไฮเท็ครู้จักแต่จะใช้ตำรวจจับ
อยากรู้ว่าสาวตั๊นจะใช้ตำแหน่งกรรมาธิการแก้ปัญหา ‘hate crime’ แบบที่เธอเคยโพสต์ด่าตำรวจอย่างไร
ที่น่าจับตาดูยิ่งกว่านั้นว่า
‘ถวิล’ กรรมการไฟฟ้าฯ คนใหม่จะแก้ปัญหาพนักงานอ่านมีเตอร์ผิด
มากกว่าที่ควรเป็นพันๆ หน่วยอีท่าไหน