วันเสาร์, เมษายน 25, 2563

ตั้งกองบัญชาการ ‘ตำรวจไซเบอร์’ "รมว.ดีอี รู้จักโปรแกรม Zoom (มั้ย)"


ช่วงนี้ที่ผู้คนกังวลกับพิษ โควิด-๑๙ระบาดกันมาก และมัวใส่ใจกับการบริหารจัดการแก้ไขโรคร้าย การเยียวยา และมาตรการฟื้นฟูที่จะต้องเตรียมให้พร้อม ดูท่ารัฐบาลประยุทธ์จะใช้โอกาสปูนบำเหน็จแก่คนที่ทำให้คณะรัฐประหารมีวันนี้

โดยเฉพาะในส่วนของ กปปส. นอกจาก ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จะได้เป็นรัฐมนตรีดั่งใจหมายแล้ว ล่าสุดมีการตามเก็บรายที่ยังตกหล่นมาถึงสาว ตั๊นจิตภัสร์ กฤดาการ คนที่เคยอยากเป็นตำรวจแต่สวรรค์ล่มเพราะเคยด่าตำรวจไว้หนัก

คราวนี้ได้เป็นกรรมาธิการตำรวจสมใจ หลังจากที่ได้เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจากการเลื่อนลำดับ อันเป็นผลแห่งกระบวนการปัดเศษและคำนวณคะแนนอย่างยอกย้อนแยบยล ที่แฝงในรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งฝีมือ มีชัย ฤชุพันธุ์

ประเด็นสำคัญมีคนชี้ให้เห็นว่า ตั๊น ผู้นี้มีอิทธิพลมากมายด้วยตัวของเธอเอง จากตระกูลเจ้าสัวบวกกับสืบสายนางสนองในรั้วในวังรัชกาลที่ ๙ ต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลมารดาเพราะการเมืองทำให้เสี่ยงต่อธุรกิจของตระกูลบิดา

จุดที่ถูกลุงสั่งห้ามก็ตรงที่เอากิจการผลิตเบียร์ของตระกูลภิรมย์ภักดีไปใช้ด่าตำรวจและทักษิณ “ขอประกาศให้ทราบว่าเราไม่เต็มใจที่จะขายให้คนเหล่านั้น” เธอเคยโพสต์ว่า “พวกท่านเป็นชั้นจัณฑาล...เป็นเสนียดต่อสินค้าเรา”
 
หลังจากทหารยึดอำนาจจากทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้แล้ว จิตภัสร์กลายเป็นบุคคลสำคัญชนิด “ไปต่างจังหวัดต้องมีรถตำรวจนำขบวน...ผู้การตำรวจจังหวัดต้องไปต้อนรับ” แมวเกเร @Unrulycat2511 ทวี้ตไว้ “เผื่อใครยังไม่รู้”

อีกคนลักษณะคล้ายกัน นอกจากได้เป็น สว.ตู่ตั้งแล้วตอนนี้เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากตู่อีกครั้ง ให้เป็น กรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแทนคนที่ลาออกไป ก็คือ ถวิล เปลี่ยนศรี คนที่เคยถูกนายกฯ ยิ่งลักษณ์ย้ายออกจากเลขาธิการสภาความมั่นคง

ตอนนั้นมีอดีต สว.คนหนึ่งไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสินว่าการสั่งย้ายไม่ได้ไปสู่ตำแหน่งสูงขึ้นดังรัฐบาลยิ่งลักษณ์อ้าง แต่เป็นความ รังเกียจรังงอนจึงเป็นหนึ่งในหลายคดีที่นำไปสู่การกวักมือเรียกบูรพาพยัคฆ์ให้กลับเข้าไปยึดอำนาจ

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ถวิลเข้าไปเป็นกรรมการนี้เพิ่งมีกรณีอื้อฉาว ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาค่าไฟของชาวบ้านขึ้นไปหลายเท่า บางรายจ่ายเพิ่มเป็นสิบๆ เท่า แรกๆ การไฟฟ้าอ้างว่าช่วงเก็บตัวอยู่บ้านทำให้มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าปกติ

ต่อมามีข้ออ้างใหม่ว่าพนักงานอ่านมีเตอร์ผิดไป การไฟฟ้ายินดีจ่ายคืนส่วนเกิน แต่ยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่จ่ายค่าไฟเพิ่มเป็นสิบๆ เท่าจะต้องยื่นคำร้องขอพิสูจน์ว่ามีเตอร์ผิดกันยุ่งยาก ในสถานการณ์ที่ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ติดเชื้อโควิดนี่น่ะ
ถวิล เปลี่ยนศรี

การแก้ปัญหาโควิดที่งุ่มง่ามและผิดพลาดทำให้รัฐมนตรีหลายคนรวมทั้งตัวนายกฯ กลายเป็นตำบลกระสุนตก ก็เลยเปิดช่องให้ คสป. (คณะสืบทอดอำนาจประยุทธ์) ร่วมกับรัฐมนตรี กปปส.รุกไล่จัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

เมื่อสองวันก่อน วาสนา นาน่วม แจ้งข่าว “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ไฟเขียวตั้ง ตำรวจไซเบอร์ดูแลประชาชน” อันเป็นหน่วยงานใหม่ระดับกองบัญชาการใน สตช. “เพื่อรับผิดชอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีครอบคลุมทั่วประเทศ”

โดยร่วมงานกับกระทรวงดิจิทัลเป็นหลัก หลังจากที่พุทธิพงษ์เป็นคนชงเรื่องนี้เสนอแล้วประยุทธ์กับประวิตร วงษ์สุวรรณเห็นชอบ โฆษก สตช. บอกว่าคดีอาชญากรรมไซเบอร์ “ล้วนแล้วแต่มีความซับซ้อน จำเป็นจะต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

วันเดียวกัน รมว.ดิจิทัล ให้ทนายไปแจ้งความดำเนินคดีกับ ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์คนดังที่มักโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลประยุทธ์บ่อยครั้ง โดยมีหมายเรียกให้นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไปเป็นพยานในคดีเกี่ยวกับผู้ใช้ทวิตเตอร์ @nmgfounder

บก.ลายจุด มีปฏิกิริยาเรื่องนี้ทางหน้าเฟชบุ๊คว่า “ผมแมร่งไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย ทำไมชีวิตผมต้องมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้...ผมโคตรรังเกียจเวลามีคนบอกว่าถ้าผมไม่ไปรายงานตัวแล้วจะติดคุก...มาจับผมได้บนดอยที่มีไฟป่า มาเลย”

สมบัติอยู่ในระหว่างขึ้นไปช่วยชาวบ้านดับไฟป่าที่เชียงใหม่-เชียงรายมาพักใหญ่แล้ว เขาโพสต์ว่า “ผมไม่อยากไปรับเชื้อโควิดที่กรุงเทพ สถานีตำรวจในมุมมองผมเป็นพื้นที่เสี่ยง...ถ้าผมไป กทม.แล้วกลับมาเชียงรายผมต้องโดนกักตัว ๑๔ วัน”

และ “ใครจ่ายค่าเดินทางครับ...รมว.ดีอี รู้จักโปรแกรม Zoom (มั้ย) คนเขาใช้กันทั่วโลก” ก็นี่ละกระทรวงไฮเท็ครู้จักแต่จะใช้ตำรวจจับ อยากรู้ว่าสาวตั๊นจะใช้ตำแหน่งกรรมาธิการแก้ปัญหา ‘hate crime’ แบบที่เธอเคยโพสต์ด่าตำรวจอย่างไร

ที่น่าจับตาดูยิ่งกว่านั้นว่า ถวิลกรรมการไฟฟ้าฯ คนใหม่จะแก้ปัญหาพนักงานอ่านมีเตอร์ผิด มากกว่าที่ควรเป็นพันๆ หน่วยอีท่าไหน