หลายคนลุ้นอยู่ว่าจะมีการเปิดกรุงวันเมย์เดย์
พวกที่มีตังค์ไม่ได้ใช้มาแรมเดือนหมายใจได้ออกไปห้าง ‘ช็อปปิ้ง’ กันขนานใหญ่ ก็มีอันให้วานนี้ตัวเลขคนติดเชื้อโควิด-๑๙
เข้าไปกว่า ๕๐ ราย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวจากมาเลเซีย
แม้นว่าวันนี้ (๒๖ เมษา)
จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มแค่ ๑๕ คน อยู่ในเกณฑ์ไม่ถึง ๒๐ รายที่ทำสถิติได้หลายวัน
และการเสียชีวิตไม่เพิ่ม แต่ด็อกเต้อโฆษก ศบค. บอกว่า “การกลับมาใช้ชีวิตปกติ
อาจนำไปสู่การแพร่ระบาดอีก”
ทำให้ รมว.สาสุขกลับมาเล่นบทเด่น จะเสนอให้นายกฯ
มีคำสั่งระงับการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของชาวต่างชาติ หลังจากที่มีการระบุว่าผู้ติดเชื้อใหม่เป็นชาวต่างชาติ
๔๒ คน จากทั้งหมด ๑๑๕ คน ซึ่งนัยว่าติดจากนายด่าน ตม.สะเดา
ทั้งที่ ‘หมอเลี้ยบ’
ที่ปรึกษาของ อนุทิน ชาญวีรกูล ผลักดันหนักให้ ‘เปิดเมือง’ ได้แล้ว ถึงเวลาหยุดใช้ ‘ยาแรง’ ตั้งแต่ ๑ พฤษภาเป็นต้นไป อุปมาอุปมัยว่ายาแรงใช้นานไม่ได้ “ทำให้เกิดอาการข้างเคียงหรือแม้แต่เกิดโทษถึงแก่ชีวิต”
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ เข้ามาเสริม นพ.สุรพงษ์
สืบวงศ์ลี ว่าเวลานี้ ‘ยิ่งกว่าพร้อม’ เปิดเมืองได้แล้ว อุปกรณ์ต่างๆ พร้อม
เตียงรองรับผู้ป่วยกว่า ๑ หมื่น ๕ พัน ‘Ventilator’ ช่วยหายใจ เกือบ ๑ หมื่น ๓ พันเครื่อง
แถมขีดความสามารถในการตรวจหาเชื้อวันละ ๒ หมื่น
ด้านหมอทวีศิลป์ โฆษกฯ บอก “แม้ยอดผู้ติดเชื้อจะลดลงที่หลักสิบไม่ได้หมายความว่าคุมได้...และหากตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเป็นศูนย์
ยังต้องดูว่าจะศูนย์นานเท่าใด” มิใยภาพคนเข้าคิวยาวเหยียดรอรับแจกอาหารที่พัทยาและภูเก็ต
ดูน่าเอน็จอนาจ
อีกทั้งมีการโพสต์ร้องเรียน แชร์กันว่อนฝากถึงนายกฯ
“ท่านเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนบ้างไหม
ผู้คนต้องมานั่งเข้าแถวรอรับของบริจาค” มาตั้งแต่ตีสี่รอเวลาเปิดบริจาค ๙ โมงเช้า “เห็นแล้วน้ำตาซึม
เมืองไทยเรามาถึงจุดนี้ได้ไง”
ก็เลยสมใจนึกพวกลิ่วล้อ คสช.เค้า โดยเฉพาะ
สว.ตู่ตั้ง ประสานเสียงกับวิปรัฐบาลในสภาผู้แทนฯ ดันให้ปิดเมืองต่อไปอีกหน่อย เรียงแถวกันออกมาต้านข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านให้เปิดสภาวิสามัญอภิปราย
พรก.กู้เงิน วิรัช รัตนเศรษฐ
อ้างต้องสู้โควิดให้เสร็จเสียก่อน
“หากมีการเปิดให้ใช้ชีวิตตามปกติก็อาจจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงอย่างก้าวกระโดดแบบบางประเทศ
เช่น สิงคโปร์” ปิดอย่างนี้ดีแท้ งานไม่ค่อยได้ต้องทำเงินยังมาไม่ขาดสาย
จะบีบจะกดอย่างไรก็อ้าง พรก.ฉุกเฉินได้เสมอ
อย่างที่นักศึกษา
ม.เชียงใหม่จะพากันไปยื่นหนังสือเรียกร้องสภา มช. ขอให้ลดค่าเทอม ๓๐%
กลับปรากฏว่ามีการเรียกตำรวจมาตั้งแถวรับ
สารวัตรสืบสวนนอกเครื่องแบบ “ห้ามมีการชุมนุมมั่วสุม ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย”
ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม
โต้กับนักศึกษาที่อ้างไม่ใช่ชุมนุม ว่า “มันก้ำกึ่ง น้องบอกว่ามีตำราไหนไม่เข้าก็เรื่องของน้อง
แต่พี่ ตำราพี่มันเข้า” คือพี่เป็นคนกำกฎหมายไง “ถ้าน้องยังดื้อดึง
น้องก็ต้องยอมรับสภาพในภายหลัง เพราะตอนนี้พี่มีภาพใบหน้าหมดแล้ว”
อย่างนี้แหละ ฝรั่งเขาเรียก ‘attitude’
กรูจะเอาอย่างนี้ มรึงจะว่าไงก็ชั่ง
ท้ายที่สุดพวกนักศึกษาก็ยื่นหนังสือต่อสภามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ เป็นตัวอย่างให้เห็น
“ว่าเจตนารมณ์ของ พรก.ฉุกเฉินที่ใช้ตอนนี้คืออะไร” ไม่ใช่ “เพื่อป้องกันโควิด”
หากแต่ว่า “เพื่อให้รัฐบริหารอำนาจ...” อย่างสะดวกโยธิน
พวกตำรวจถึงได้วางอำนาจบาตรใหญ่ แบบที่เกิดขึ้นใน มช. จึงทำให้ BAMBAM @bb19kg สับแหลกว่า “มาคุกคามประชาชนแบบนี้คิดว่าเหมาะสมหรือไม่”