วันอาทิตย์, เมษายน 19, 2563

บทเรียนประวัติศาสตร์ 11 ปี ลอบสังหารสินธิ ลิ้มทองกุล สื่อผู้จัดการลืม แต่ ธนาพล อิ๋วสกุล ไม่ลืม




11 ปี ลอบสังหารสินธิ ลิ้มทองกุล
การหักหลังกันของชนชั้นนำฝ่ายอำมาตย์ที่สนธิ เองก็ยังอยากจะลืม

.................

เมื่อวาน 17 เมษายน 2563 ครบ 11 ปีของการลอบสังหารสนธิ ลิ้มทองกุล โดยกลุ่มคนมีสี
(ตามคำบอกเล่าของลูกชายสนธิ ลิ่มทองกุลเอง)

คนที่ยิงหัวสนธิ ที่มีสี ไม่ใช่ใครที่ไหน
ซึ่งก็คือทหารนั่นแหละ

ผมพยามลองค้นดู ว่ามีสื่อไหนของผู้จัดการบ่างที่ทำข่าวนี้ปรากฎว่าไม่มี

ครั้งสุดท้านที่ผู้จัดการทำสกูปใหญ่ก็คือ 2 ปีที่แล้ว ตอนครบ 9 ปี

ย้อนรอย 9 ปี ลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” อำนาจมืดมีจริง CCTV 206 ตัว แต่จับใครไม่ได้-ทหารคนบงการยังลอยนวล
https://mgronline.com/crime/detail/9610000037919

หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย

ถ้ามีการพูดเรื่องลอบสังหารของสนธิ ก็เป็นการพูดแก้เกี้ยวคือย้อนไปเหตุการณ์ปี 2535 ซึ่งไม่อยู่ในสารบบความทรงจำแต่อย่างใด

‘สนธิ’ อัดคลิปเล่าเหตุถูกลอบสังหาร บอกทหารรุ่นหลังกลัวผม จนต้องเอาเข้าคุก
https://www.matichon.co.th/politics/news_1691783

ทำไมผมถึงพูดว่าเป็นการหักหลังกันเองของ ของชนชั้นนำฝ่ายอำมาตย์ที่สนธิเองก็ยังอยากจะลืม

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ช่วงระหว่างปี 2548-2552 ชื่อของสนธินี่ถือว่าเนื้อหอมมากนชั้นนำฝ่ายอำมาตย์ก็อยากเข้าใกล้

เพราะเป็นคนเดียวที่มีศักยภาพที่จะล้มทีกษิณได้

สนธิ เจ๋งแค่ไหน ลองดู 2 เหตุการณ์

1.มีใครในประเทศนี้ ที่ สามารถเอาพระสุรเสียง ของราชินีในรัชกาลที่ 9 มาขึ้นเวทีประท้วงรัฐบาลได้ แต่สนธิทำมาแล้ว

พระบารมีปกเกล้า : พระสุรเสียงราชินีบนเวทีพันธมิตร
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
https://prachatai.com/journal/2008/08/17688

2. เท่านั้นยังไม่พอ ในประเทศนี้ มีใครกร่างได้เท่ากับสนธิได้อีก เมื่อฟังคลิปอันนี้

คลิปประวัติศาสตร์: สนธิ เล่าเรื่อง "ราชสำนัก" มอบ "ของขวัญชิ้นหนึ่ง" ให้พันธมิตร
https://www.youtube.com/watch?v=GY2WrzNwQHg

ขณะที่บริบทเดือนเมษายน 2552 คือความพ่ายแพ้ของเสื้อแดงยกแรก ทำให้ชั้นนำฝ่ายอำมาตย์ คิดว่าสนธิ คงหมดประโยชน์ไปแล้ว

ถ้าปล่อยให้มีชีวิตอยู่ก็จะเป็นภาระเกินไป เพราะไม่รู้ว่าวันไหนจะปากโป้งขึ้นมาอีก

ประวัติศาสตร์การหักหลังคนของสนธิเป็นอย่างไร ถามทักษิณดูได้

ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะโป้งปาก สนธิ ลิ้มทองกุลเสียก่อนที่สนธิจะปากโป้ง

จึ่งเป็นที่มาของการสังหารสนธิ เช้าวันที่ 17 เมษายน 2552

ถึงแม้ในเวลานั้นรัฐบาลยังประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรมว.กลาโหม
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ พล.อ.ประวิตร ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.

ปฏิบัติการยิงหัวสนธิ บริเวณแยกบางขุนพรหม โดยกล้องวงจรปิดเสียทุกตัว และจับมือใครดมไม่ได้สักคน

ถ้าไม่ได้กินแกลบก็รู้ว่าคนที่จะทำได้คือทหารอย่างเดียวเท่านั้น

(ยังมีข่าวบอกมาด้วยว่า เมื่อยิงสนธิแล้ว มือปืนก็ขับรถเข่าไปที่กองบัญชาการกองทัพบกที่อยู่ใกล้ ๆ นั่นแหละ)

ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็พูดไปแบบเสียไม่ได้วา

"การลอบยิงเป็นเรื่องอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องสืบสวนสอบสวน ยอมรับว่าอาวุธสงครามยังคงมีใช้อยู่ในสังคมไทยซึ่งฝ่ายทหารก็พยายามแก้ปัญหานี้อยู่ แต่ไม่ขอแสดงความเห็นว่าเกี่ยวกับทหารหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีกำลังนายทหารตรึงกำลังอยู่เวรยาม เขตละ 2 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ฝ่ายทหารได้รับคำสั่งและได้สั่งการเด็ดขาดว่าหลังคืนวันที่ 13 เมษายน 2552 ห้ามทหารใช้อาวุธโดยเด็ดขาด แม้เห็นตัวผู้ร้าย หรือ มีเหตุป่วนเมือง เช่น โยนระเบิดปิงปอง ระเบิดเพลิงขนาดเล็ก ส่วนเหตุการณ์ลอบยิงจะเป็นการป่วนเมืองหรือไม่ มองว่าการป่วนเมืองในขณะนี้ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องเพราะจะทำให้สังคมไม่ยอมรับ"

ผ่านมา 11 ปี สนธิ ก็ไม่กล้าทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง เพราะรุ้ว่าไม่มีประโยชน์ และไม่ควรที่จะจดจำมันด้วย

สนธิ คงจะรอเวลา "เอาคืน" ชนชั้นนำฝ่ายอำมาตย์ ย่างเดียวเท่านั้น เหมือนกับที่ทำกับทักษิณนั่นแหละ